นางฟ้าหลังกำแพงเบอร์ลิน Lamy Alpine 1980

in Pen by hackhq on 14 Dec 2012

หยิบ Lamy Safari ของคุณขึ้นมาครับ อะไรนะ? ไม่มีเหรอ? ไม่เป็นไรครับอ่านให้จบก่อนรวมไปถึงตอนอื่นๆด้วย แล้วเดี๋ยวคุณก็จะมีเองครับ…ต่อครับ เมื่อหยิบขึ้นมาแล้วให้พินิจให้ถ้วนถี่ มันช่างสวยงาม ทันสมัย ไร้กาลเวลาใช่ไหมครับ แต่คุณรู้มั้ยว่า Lamy Safari ถือกำเนิดมาบนโลกนี้กว่า 30 ปีแล้ว แปลกใจมั้ยครับที่ปากกาล้ำสมัย ดีไซน์อนาคตด้ามนี้ช่างมีความเป็นมาที่ยาวนานมาก แต่ก่อนที่ผมจะลงลึกในเรื่องน้องนางฟ้า Alpine ของผม ขอเชิญมาฟังปฐมบทกันก่อนครับ (ว่าไปนั่น)

Lamy Safari Alpine 1980

บริษัท Lamy ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1930 โดย C.Josef Lamy ที่เมือง Heidelberg ประเทศเยอรมัน โดยในช่วงก่อนที่ Lamy Safari จะกำเนิดขึ้นมานั้น บริษัทก็มีปากการุ่นดังๆหลายรุ่นเหมือนกันไม่ว่าจะเป็น Lamy 2000, Lamy CP1 และ Lamy 27 (ปากการุ่นแรกของบริษัทเลย) จนมาถึงปี 1980 ปากกา Lamy Safari จึงถือกำเนิดขึ้นเป็นครั้งแรกและเป็นรุ่นที่ได้รับความนิยมสูงมากตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน

Lamy Safari ออกแบบโดย Wolfgang Fabian และ Bernt Spiegel เปิดตัวครั้งแรกที่เมือง Frankfurt โดย Safari ด้ามแรกนั้นเป็นด้ามสีเขียวมะกอก Savannah Green (โคตรแรร์) โดยทางบริษัทได้ตั้งกลุ่มเป้าหมายไว้เป็นเด็กนักเรียนอายุ 10-15 ปี และด้วยดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์นี้เองทำให้เป็นที่ถูกใจและใช้กันอย่างแพร่หลายแทบทุกโรงเรียนในประเทศเยอรมันเลยทีเดียว

ถึงแม้จะเป็น Lamy Safari เหมือนๆกันแต่จริงๆแล้วก็แบ่งได้เป็นหลาย Generation เหมือนกับพวก iPod เลยครับ ด้วยจุดสังเกตและช่วงเวลาในการผลิตทำให้เราสามารถจำแนกเป็น 4 Gen ได้ดังนี้(เขียนโคตรวิชาการเลย)

Gen 1

เริ่มต้นในปี 1980 มีด้วยกัน 3 สีได้แก่สีเขียวมะกอกด้านคลิปดำ Savannah Green, สีส้มเข้มด้านคลิปดำ Terracotta Orange และสีดำด้านคลิปดำ Charcoal Black

ข้อสังเกต

– ก้นปากกาจะเรียบ ไม่มีตัวอักษรใดๆสลักไว้เลย

– นอตปลอกปากกาเป็นนอตโลหะแบบ 6 เหลี่ยม

Gen 2

เริ่มผลิตในช่วงกลางยุค 80 โดยใน Gen นี้เองได้มีการเลิกผลิตไป 2 รุ่นก็คือ Savannah Green และ Terracotta Orange แต่ได้มีการเพิ่มสีอื่นๆขึ้นมาได้แก่สี แดง เหลือง น้ำเงิน และสีขาว โดนสีขาวจะมี 2 แบบก็คือแบบผิวเรียบและแบบผิวมี texture หรือที่เราเรียกว่าด้านนั่นเอง(ทั้งหมดเป็นแบบคลิปดำนะ) ส่วนสีดำ Chacoal Black นั้นยังมีการผลิตเช่นเดิม

ข้อสังเกต

– ก้นปากกาจะสลักคำว่า “W.Germany”

– นอตปากกาเปลี่ยนเป็นนอตโลหะแบบวงกลม

– เกลียวข้อต่อปากกาจะมีแต่ช่องแบบกว้างเพียงแบบเดียว

Gen 3

ผลิตในช่วงต้นของยุค 90 โดยใน Gen นี้เองได้มีการเลิกผลิตรุ่นสีขาวด้าน แต่มีการเพิ่มรุ่นพิเศษ Demonstrator มาเป็น Limited Edition ของ Gen นี้ด้วย (หน้าตาคล้ายกับ Lamy Vista เอาไว้วันหลังผมจะเล่าให้ฟังอีกทีนะ)

ข้อสังเกต

– ก้นปากกาเปลี่ยนเป็นสลักคำว่า “Germany” เนื่องมาจากการรวมประเทศของทั้งฝั่งตะวันออกและตะวันตกหลังที่กำแพงเบอร์ลินถูกทำลายไปเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 1989 นั่นเอง (โอ้วไม่! ชั้นเกลียดวิชาประวัติศาสตร์!)

– เกลียวข้อต่อมีช่องเล็กเพิ่มเข้ามา ใช้เพื่อยึดกับหมุดของหลอดหมึกแบบใหม่

Gen 4

ผลิตในช่วงปลายยุค 90 ใน Gen นี้เองมีการเปลี่ยนแปลงในส่วนประกอบต่างๆของปากกา ทั้งนี้เนื่องมาจากเหตุผลที่ต้องการลดต้นทุนในการผลิตนั่นเอง ส่วนสีที่เลิกผลิตไปก็คือสีขาวคลิปดำแต่ได้มีการเพิ่มสีเทาด้านมาเป็น Limited Edition รวมถึงสีอื่นๆอีกมากมายจนถึงปัจจุบัน

ข้อสังเกต

– หัวปากกา(nib) จะมีการสลักโลโก้และขนาดของหัวปากกาด้วยเลเซอร์ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่มีการสลักเลย

– ปลอกปากกาจะมีการเปลี่ยนจากนอตโลหะมาเป็นหมุดพลาสติกแบบประกบแทน (คือเป็นแบบกดลงไปแล้วยึดเข้ากับปลอกปากกาเลยไม่เหมือนกับนอตที่ต้องหมุนเกลียวเพื่อยึด)

– หัวปลอกปากกาจะมี “รู” จากเดิมที่ไม่มีเลย

เป็นยังไงบ้างครับกับข้อสังเกตและการแยก Gen ของ Lamy Safari ละเอียดย่อยเว่อร์ใช่มั้ยครับแต่ผมรู้น่าว่าคุณก็แอบสนุกอยู่เหมือนกัน(หรือผมคิดไปเองว้าา) ทีนี้ก็มาถึงนางฟ้าของผมแล้วหล่ะครับ หลังจากที่โหมโรงกันเสียนานก็ถึงเวลาที่เธอจะได้ออกแสดงเสียที

งามหยดย้อยจริงๆ

Lamy Safari Alpine 1980 ด้ามนี้ผมได้มาจาก ebay อีกแล้วครับ ตอนที่ผม bid ผมก็คิดไว้แล้วละครับว่าด้ามนี้ไม่ธรรมดาและราคาก็จะไม่ธรรมดาแน่ๆ จำได้ว่าช่วงใกล้หมดเวลา การแข่งขันเป็นไปอย่างดุเดือดร้อนแรงมาก มันส์ที่สุดตั้งแต่ผมเคย bid ของใน ebay มาเลยครับ คือว่าช่วงใกล้หมดเวลาประมาณ 10 นาที ราคาของ Alpine ด้ามนี้อยู่ที่ประมาณ 85$ แต่พอยิ่งเข้าใกล้ช่วง 5 นาทีสุดท้ายเท่านั้นแหละ คนก็แห่มาจากไหนไม่รู้เยอะแยะจำนวนคน bid เพิ่มขึ้นกว่าครึ่ง ส่วนราคานั้นก็ไปหยุดอยู่ที่ 98$ แล้วก็เริ่มนิ่ง ผมก็คิดในใจว่าราคาที่ตั้งไว้ว่าจะสู้มากสุดที่ 100$ คงจะแพ้แน่ๆเลยตัดสินใจซุ่มเงียบ(อีกแล้ว)รอจนเวลาประมูลใกล้จะจบเหลือประมาณ 10 วินาทีและด้วยความบ้าคลั่งเลือดขึ้นหน้าหูตามืดมัวหมดแล้ว ผมจึงตัดสินใจ bid ไปที่ 120$ ขาดตัว!! เวลาหมด..ผมก็เป็นผู้ชนะมาในราคา 102.50$ ในที่สุดครับ อ้อ! seller คนนี้เค้าส่งฟรีด้วยนะผมเลยรอดไม่ต้องจ่ายค่าส่งเพิ่มเลย(แหงหล่ะ แค่ค่าปากกาแกก็กำไรอื้อซ่าแล้วนี่)

หลายคนคงตั้งคำถามว่าทำไมผมถึงกล้าที่จะ bid อะไรทำให้คิดว่ามันเป็น Alpine 1980 แน่ๆ ก็เพราะด้วยข้อสังเกตต่างๆที่ผมร่ายยาวไปเมื่อตอนต้นนั่นแหละครับ ประกอบกับ seller คนนี้เรตติ้งเค้าดีมาก เป็นคนเยอรมัน เปิดร้านขายพวกปากกาหายากด้วย อีกทั้งยังแนบรูปถ่ายมาแทบทุกซอกทุกมุม เลยทำให้ผมกล้าตัดสินใจยังไงล่ะครับ

ทีนี้เรามาดูส่วนต่างๆของนางฟ้า Alpine 1980 กันเลยดีกว่าครับ!!

รูปนี้โฟกัสนานเชียว กล้องมันงงๆอ่ะ

นอต ส่องดูด้านในของปลอกปากกาจะเป็นว่าเป็นนอตโลหะแบบกลม ทั้งนี้ผมไม่กล้าที่จะขันนอตแยกส่วนออกมาเพราะเกรงว่าจะประกอบกลับไปเป็นเหมือนเดิมไม่ได้หน่ะครับ(ช่างนอตเหลือ) -..-

โล่งๆดูไม่ค่อยมีราคาเลยแหะ

nib เห็นมั้ยครับว่าไม่มีสลักตัวอักษรอะไรเอาไว้เลยแบบนี้ถือว่าเป็นของดั้งเดิมสุดๆ

ไม่มีรูตรงกลางนะครับ
แต่มาอยู่ด้านหลังแทน

ปลอก สังเกตตรงหัวของปลอดปากกาจะไม่มีรูตรงกลางกากบาทนะครับ แต่เมื่อลองหมุนตัวปลอกดูด้านหลังจะเป็นรูตรงช่องด้านหลังแทน

ไอ W. นี่แหละทำราคาพุ่งเลย

ก้น คำว่า “W.Germany” ชัดเจนเชียว แสดงให้เห็นว่าผลิตในช่วงกลางยุค 80 เป็น Gen 2 ก่อนรวมประเทศแน่ๆ

อันนี้เกลียวของ Gen 2 ครับ
อันนี้ Gen 4 รุ่นปัจจุบันครับ

เกลียวปากกา จะมีเพียงช่องแบบกว้างเท่านั้นเมื่อลองดูอีกรูปเทียบกันกับรุ่นปัจจุบันจะเห็นว่าไม่ช่องเล็กที่ใช้สำหรับยึดหลอดหมึกแบบใหม่ครับ

อะไรไม่รู้แหละ แต่ดูเหมือนยังไม่เคยใช้เป็นดีที่สุด

เป็นอย่างไรกันมั่งครับกับนางฟ้าหลังกำแพงเบอร์ลินของผม ผิวเธอขาวเนียน ผมดำมันเงา ช่างสวยงามจริงๆเลย จะว่าไปแล้วด้ามนี้ก็มีอายุพอๆกับผมเลยนะครับแต่โชคดีที่เป็นด้ามใหม่ค้างสต็อก สภาพเลยยังคง 100% ขนาดพลาสติกบอกรุ่นยังมีติดมาด้วยเลย ทั้งนี้ถ้าหากคุณผู้อ่านอยากได้ด้ามสีขาวแบบนี้ก็คงจะหายากหน่อยนะครับ ลองมองด้ามสีขาวคลิปเงินแทนราคาถูกกว่าแถมยังมีขายทั่วไปด้วย แต่ถ้าหากว่าอยากเป็นเจ้าของ Alpine 1980 จริงๆก็อยากฝากไว้ว่าให้ซื้อจากผู้ขายที่เชื่อถือได้จริงๆ ดูรูปให้ละเอียดถี่ถ้วนเพราะราคาด้ามนึงไม่ใช่เล่นๆเลย ถ้าหากพลาดขึ้นมา ได้ของเลียนแบบจะช้ำใจเอาได้นะครับ

ปล. entry นี้เขียนแบบวิชาการมากๆๆๆ(ตรงไหน) ถ้าหากอ่านแล้วรู้สึกไม่สนุก เบื่อ “เห้ยหลับไป 3 รอบแล้ว” ก็ขอให้แนะนำมาได้นะครับ คราวหน้าจะได้ปรับปรุงให้ไร้สาระมากกว่านี้ครับ (แต่เดิมสาระก็หาไม่อยู่แล้ว)

ปล. 2 หากข้อมูลที่เขียนผิดพลาดประการใด ผมขอน้อมรับความผิดไว้และพร้อมจะแก้ไขทุกเวลานะครับ บอกกันด้วยหล่ะ

ปล. 3 ฝากเพจเหมือนเดิมครับ BBBlog.Sketchblog คุยกันมั่งก็ได้นะ อย่าปล่อยให้ผมเหงาอยู่คนเดียวเลย -..-

หากอ่านแล้วถูกใจชอบใจ ฝากกดแชร์ด้วยนะครับ ขอบคุณครับ \( - 3-)/
โพสตอนนี้อยู่ในหมวด Pen และมี tag ดังนี้ , , , , , , , , โพสเมื่อวันที่ .
hackhq

คนธรรมดาที่หลงใหลในการสเก็ตช์ ใช้ปากกาลามี่เป็นอาวุธ มีสมุด Moleskine เป็นผืนผ้าใบและมีจินตนาการในรูปของสีน้ำ หลงใหลรูป รส กลิ่น ของกาแฟ และเคลิบเคลิ้มกับเสียงของดนตรีแจ๊ส | ติดต่อผมบนทวิตเตอร์ได้ที่ @hackhq

เว็บไซต์ : https://www.bbblogr.com