Ajoto – The Pen ที่สุดแห่งความหรู ปากกาสุดเท่จากแมนเชสเตอร์!

in Pen by hackhq on 25 Nov 2016

การเกิดมาเป็นคนมีเงินแบบผมนี่มันไม่ได้เป็นกันง่ายๆ เลยครับ ผมลงทุนไปเยอะ มีความเสี่ยงจากการทำธุรกิจก็เยอะ จะลงทุนแต่ละทีถ้าไม่เหมายกแผงก็ต้องไปให้ถึงแหล่งแล้วเลือกตามโพยเลขอาจารย์ดัง ก็อย่างที่คนเค้าบอกว่า “ให้เงินทำงาน” ผมนี่แหล่ะครับตัวอย่างของนักลงทุนที่ให้เงินทำงาน…และก็ให้ “ดวง” ทำให้ถูกสักงวดทีเหอะ!

พาร์ทเนอร์ทางธุรกิจของผมก็จะมีหลายเลเวลมาก ตั้งแต่ผู้ค้ารายย่อยไปจนถึงระดับยี่ปั๊ว บางทีเราอยากลงทุนระยะสั้นแบบไม่เปิดเผยนักผมก็จะยกหูแล้วบอกเลขรหัสที่ต้องการ จะเล่น technical กลับหน้ากลับหลัง โต๊ด ตัวตรง วิ่งบนล่าง หรือวิ่งหนีผ่านซอยหลังบ้านออกถนนใหญ่ ซึ่งบางทีเราก็ต้องใช้ปากกาเท่ๆ หรูๆ มาคอยรับจดเลขด้วย (อ้าวนึกว่าแค่เล่น นี่เป็นเจ้ามือเลยเหรอ?!) เห็นมั้ยครับว่าผมเป็นนักลงทุนอย่างชาญฉลาดและมีการวางแผนกระจายความเสี่ยง นั่นเป็นที่มาของการเป็นคนมีเงินสไตล์ผมนี่แหล่ะ

พอรวยแล้วไปไหน? ฟังดูคล้ายกับตายแล้วไปไหนแต่ยังไม่ใกล้ขนาดนั้น พอรวยแล้วเราก็ต้องใช้จ่ายเพื่อเพิ่มความสุขให้กับตัวเองยังไงล่ะ ผมนี่เป็นคนที่ชอบปากกาและศิลปะซึ่งเรื่องนี้ผมทุกคนคงจะพอรู้อยู่แล้ว อย่างแรกที่บอกไปคือเรื่องของงานศิลป์ ผมมักจะใช้เงินไปกับ “ภาพศิลป์” ในรูปแบบนิตยสาร จะขาวบ้าง สีน้ำผึ้งบ้าง แต่ขาดไม่ได้เลยคือต้องอวบ และความสุขอย่างที่สองของผมก็คงไม่พ้นเรื่องของปากกา ผมชอบอะไรที่ดูเท่ ดูคูล น้อยแต่มาก และต้องทรงคุณค่าในตัวของมันเอง ผมมีปากกาหลากหลายแท่งมากครับ แต่ก็ล้วนแล้วแต่เป็นระดับกลางๆ ซึ่งยังไม่เข้าใกล้กับปากกาแบบที่ว่านี้สักเท่าไหร่ แต่คุณเชื่อมั้ย? วันนี้แหละที่ผมได้พบกับปากกาที่ผมกล้าพูดได้เต็มปากว่า “เป็นปากกาที่หรูหรา เท่ มีสไตล์ และทรงคุณค่าอย่างแท้จริง” หากคุณกำลังมองหาปากกาอย่างที่ว่า ผมอยากจะแนะนำให้ได้รู้จักกับกระบี่ด้ามใหม่ด้ามนี้ Ajoto – The Pen

Ajoto – The Pen

Ajoto

Ajoto – The Pen

Ajoto – The Pen [เว็บไซต์] “เท่และหรูหรา” เป็นคำที่สามารถพูดได้เต็มปากยิ่งกว่าคำว่า “ขอเวลาอีกไม่นาน” ปากกา Ajoto เป็นสุดยอดผลงานการออกแบบปากกาจากบริษัทสายเลือดใหม่นามว่า AJOTO จากเมืองแมนเชสเตอร์ ประเทศอังกฤษ ก่อตั้งขึ้นในปี 2011 จากนั้นก็นำเสนอโปรเจคปากกาสุดเท่ด้ามนี้ผ่าน Kickstarter และได้รับความนิยมอย่างมากมาย ด้วยความที่ Ajoto เป็นปากกาที่ใส่ในเรื่องการออกแบบทุกขั้นตอน ไม่ว่าจะเป็น บรรจุภัณฑ์ หน้าตาของปากกาหน้าภายนอก กลไกภายใน ไส้ปากกา รวมไปถึงการเลือกใช้วัสดุที่สะท้อนตัวตนของปากกาแต่ละด้ามได้เป็นอย่างดี อีกทั้งในเรื่องของการผลิต เค้าก็เฟ้นหาผู้ผลิตปากกาที่มีฝีมือยอดเยี่ยมที่สุดทั้งในประเทศอังกฤษเองและเจ้าอื่นๆ ในยุโรปด้วย ในเมื่อทำทุกสิ่งด้วยความตั้งใจและสมบูรณ์แบบที่สุด และนำมารวมเข้าเป็นปากกาสุดหรู Ajoto ผมจึงไม่แปลกใจเลยว่าปากกาด้ามนี้คือปากกาที่ทรงคุณค่าที่สุดด้ามนึงเท่าที่ผมเคยรู้จักมา

 

แกะกล่อง มีอะไรให้บ้าง

ajoto-02 ajoto-03 ajoto-04 ajoto-05

อย่างที่ตะกี้ได้บอกไปว่ามันเป็นปากกาที่ใส่ใจในทุกรายละเอียดจริงๆ “มีการออกแบบในทุกๆ ส่วน” ดังนั้นกล่องปากกาก็ต้องได้รับการออกแบบด้วยเช่นกัน ผมพิจารณากล่องปากาชั้นนอกโดยรอบซึ่งก็หน้าตาก็สะท้อนถึงแนวคิดการออกแบบที่ต้องให้ดูเรียบแต่ยังมีความเท่ กล่องกระดาษสีน้ำตาลอ่อนที่มีการปั๊มตัวอักษรสีเงินดูเข้ากันลงบนกล่อง ตัวกล่องถูกออกแบบเป็นพิเศษห่อหุ้มทั้งตัวกล่องด้านในและไส้ปากกาไว้ด้วยกัน

ajoto-06 ajoto-07

แต่ที่เด็ดกว่านั้นและผมถึงกับกัดริมฝีปากด้วยความเข็ดฟันนั่นก็คือ “กล่องเหล็กด้านใน” ตัวกล่องที่บรรจุตัวปากกานั้นเป็นกล่องเหล็กที่งามงดหยดย้อยและเท่ที่สุดเท่าที่เคยเล่นปากกามาเลย ผิวของกล่องให้สัมผัสเหมือนโลหะพ่นด้วยทราย นึกๆ แล้วก็ชวนให้นึกถึงเครื่อง Mac ของ Apple บนกล่องเหล็กมีการสลักด้วยเลเซอร์เป็นโลโก้และรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เพื่อให้ภาพรวมของกล่องจะดู minimal ตามแนวคิดในการออกแบบ โดยไอกล่องเหล็กนี้เองจะเห็นว่ามันเป็นสีเงินใช่มั้ย? แต่ถ้าคุณผู้อ่านสนใจจะสอยเจ้าตัวปากกา Ajoto Aluminium Black ที่เป็นสีดำแล้วละก็ กล่องเหล็กที่บรรจุปากกาจะเป็นสีดำล้วนเลยครับ เพิ่มความหล่อเท่ให้มากยิ่งขึ้นไปอีกๆๆๆ (จะซื้อเพราะกล่องดำนี่แหล่ะ)

ajoto-08 ajoto-09

กล่องเป็นแบบเลื่อนสไลด์ครับ แต่ในส่วนที่เป็นฐานหรือถาดเลื่อนนั้นก็ไม่ได้เป็นโลหะเหมือนข้างนอกหรือเป็นแค่กล่องกระดาษทั่วไป แต่มันคือฐานกล่องที่ทำจากไม้ก๊อก โคตรเท่! ไม่มีอะไรจะดูเข้ากันอีกแล้วระหว่างสีน้ำตาลของไม้ก๊อกและสีเงินแบบโลหะ ตัวฐานกล่องในส่วนที่เป็นขอบจะมีการทำระดับขอบ 2 ระดับด้วย ทำเพื่อ?! เพื่อให้สามารถวางกระดาษแข็งอีกชิ้นปิดฐานได้ไง โดยไอกระดาษนี้ก็จะมีข้อความเล็กๆ น้อยๆ เขียนไว้และที่ด้านหลังจะมีเลขที่ของปากกา Ajoto พิมพ์ติดไว้ และเมื่อแกะกระดาษออกก็จะเห็นปากกาที่สุดเท่ที่สุดนามว่า Ajoto นอนเอนหล่อๆ อยู่บนกล่องไม้ก๊อกพื้นสีน้ำตาลคูลๆ ครับ

หน้าตาโดยรวม

ajoto-10

Aluminium Silver / Aluminium Matte Black / Brass / Stainless Steel

ajoto-11

Aluminium Silver / Aluminium Matte Black / Brass / Stainless Steel

ajoto-12

Aluminium Silver / Aluminium Matte Black / Brass / Stainless Steel

ผมได้รับปากกา Ajoto มาด้วยกันทั้งหมด 4 สี 4 รุ่นครับ ซึ่งไอเจ้า 4 ด้ามนี้มันไม่ได้ต่างกันแค่สีนะแต่จะต่างกันที่วัสดุด้วย เนื่องจากปากกา Ajoto เป็นงานที่เน้นความงามในด้านการออกแบบและเน้นความงามของตัววัสดุ ทำให้ปากกาแต่ละรุ่นนั้นมีคาแรคเตอร์ที่แตกต่างกันออกไป โดย 4 ด้ามที่ผมได้รับมานั้นประกอบไปด้วย

  • Aluminium Silver (อลูมิเนียมสีเงิน)
  • Aluminium Matte Black (อลูมิเนียมสีดำ)
  • Brass (ทองเหลือง)
  • Stainless Steel (สเตนเลสสตีล)

Aluminium Silver (อลูมิเนียมสีเงิน) : 6,600 บาท

Aluminium Silver

Aluminium Silver

เป็นปากกาที่เท่และเรียบที่สุด ตัวด้ามเป็นสีเงินจากอลูมิเนียมขัดผิวให้เรียบเนียนมือ น้ำหนักค่อนข้างเบาแต่จับแล้วแน่นหนาทีเดียว

Aluminium Matte Black (อลูมิเนียมสีดำ) : 7,000 บาท

Aluminium Matte Black

Aluminium Matte Black

ด้ามนี่ผมโคตรกรี๊ดเลยอ่ะ ตัวด้ามทำจากอลูมิเนียมน้ำหนักเบานี่แหล่ะ แต่ทำสีข้างนอกด้วยสีดำทั้งหมดแล้วทำให้ผิวเป็นแบบด้านๆ มีเท็กเจอร์เหมือนพ่นทราย ผมว่าด้ามนี่เด็ดดวงถูกใจหลายๆ คนแน่ๆ

Brass (ทองเหลือง) : 7,500 บาท

Brass

Brass

ด้ามทองเหลืองนี้สีสวยมาก เท่และดูเก๋าเข้ากับพวกสมุด TRAVELER’S notebook สีน้ำตาลเป็นที่สุด และก็ตามคุณสมบัติของทองเหลืองเลย เมื่อใช้ไปนานๆ แล้วสีมันก็จะเหลืองขึ้น คล้ำขึ้น ซึ่งจะดูเท่จากการใช้งาน แต่ถ้าใครที่อยากให้เงางามวิ้งๆ อยู่เสมอก็ไปหาน้ำยาขัดทองเหลืองมาเทแล้วถูก็ได้นะ ปิ๊งๆ

Stainless Steel (สเตนเลสสตีล) : 8,500 บาท

Stainless Steel

Stainless Steel

ด้ามนี้เป็นตัวที่ไฮโซที่สุดในชุดที่ผมได้รับมาครับ ตอนผมหยิบออกมาถ่ายรูปนี่ผมแทบจะต้องเอาขาหน้ายื่นมารองไว้เลย กลัวร่วงแล้วจะไม่มีหน้าแข้งไว้เซฟเหมือนวอลเลย์บอลตอนโดนตบลงแดนเรา (สปอนส์เซอร์อ่านจะเกลียดมั้ย?) ด้วยวัสดุที่เป็น Stainless Steel แล้วขัดผิวให้มีความเรียบลื่นเงางามเป็นอย่างมาก ด้ามนี้จึงสวยงาม ดูแพง เห็นถึงแสงสะท้อนที่ตกกระทบลงบนตัวปากกายิ่งเพิ่มความหรูหราเป็นที่สุด

รูปร่าง

ajoto-18 ajoto-19 ajoto-20 ajoto-21

ตัวปากกาจะประกอบด้วย 2 ส่วนหลักๆ ก็คือตัวด้ามและตัวหมุดหมุนไส้ปากกา ซึ่งในส่วนของด้ามนั้นจะเป็นโลหะกลึงให้มีความโค้งมนรูปร่างเหมือนกับกระสวยที่ส่วนหัวจะป่องออกมานิดนึง แล้วขนาดจะเรียวเล็กลงไปยังส่วนของปลายด้ามในที่สุด กลไกการใช้งานก็ง่ายๆ ครับ เพียงแค่เราหมุนที่ก้นปากกา มันก็จะดันไส้ให้เลื่อนออกมาพร้อมเขียน พอใช้เสร็จก็หมุนคลายออกเป็นอันเก็บไส้เรียบร้อย

ไส้ปากกา

ajoto-22 ajoto-23 ajoto-24

อย่างที่ข้างต้นผมแกะกล่องล้วงดูแล้วเจอไส้มา 1 เส้น(เรียกเป็นอันเหอะ) ซึ่งไส้ที่มากับชุดปากกา Ajoto หัวบอลแบบเซรามิก ซึ่งการที่หัวมันเป็น ceramic นี้มันเลยทำให้เวลาเขียนนั้นส่วนที่เป็นบอลจะซับน้ำหมึกได้ดี แล้วเขียนลงบนกระดาษได้ไหลลื่นไม่มีหมึกขาด โดยไส้ที่ให้มากับปากกานั้นจะเป็นหมึกสีดำครับ แต่ว่าจริงๆ แล้วหมึกปากกาของ Ajoto นั้นจะมีสี ดำ น้ำเงิน แดง รวมเป็น 3 สี

ajoto-25

วิธีการใส่ไส้ก็ทำได้ไม่ยากเลย เอานิ้วไปหมุนที่หมุดที่ปลาย(ก้น)ปากกาครับ หมุนออกมาเลยนะ มันอาจจะฝืดๆ หน่อยเพราะมันมีกลไกส่วนนึงที่เป็นยางเพิ่มความฝืดในตอนที่ทำการหมุนและช่วยยึดไม่ให้หมุดปากกาคลายหลุดได้ง่าย และเมื่อหมุนออกมาแล้วเราจะเจอะกับสปริงเล็กๆ ข้างในด้าม ระวังให้ดีและอย่าทำหายเป็นอันขาด จากนั้นก็เอาไส้ปากกาที่ให้มากับกล่องใส่เข้าไปในสปริงแล้วก็เอามาใส่ในตัวด้ามปากกาแล้วหมุนปิดให้เรียบร้อย เป็นอันเสร็จสิ้นขั้นตอนการใส่ไส้ปากกา

แกะแยกส่วน

ajoto-26 ajoto-27 ajoto-28

ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะทำไปทำไมอ่ะนะ แต่สำหรับใครที่อยากลองแกะแยกส่วนให้เห็นถึงการออกแบบเจ้า Ajoto ก็สามารถกระโดดขึ้นรถคนมือบอนกันได้เลย โดยการถอดแยกส่วนนี้จะทำได้เฉพาะส่วนที่เป็นตัวหมุนปากกาที่อยู่ปลายด้ามนะ ไอหัวกลมๆ หยักๆ นั่นแหล่ะ โดยเราจะต้องใช้ประแจ 6 เหลี่ยมขนาดเล็ก ช่วยในการไขแยกออกมา แหย่ประแจนี่เสียบเข้าที่รูด้านในแล้วหมุนก็จะสามารถแยกออกมาเป็นชิ้นๆ ได้ 3 ชิ้นส่วน แต่ทั้งนี้ถ้าไม่ได้อยากรู้อยากแกะอะไรก็ไม่จำเป็นต้องหมุนก็ได้นะ กลัวทำชิ้นส่วนหล่นหายแล้วจะยุ่งไปกันใหญ่

ขนาด น้ำหนัก

ajoto-29

ผมลองเอามาเทียบกับปากกายอดนิยมอย่าง Lamy Safari แบบหมึกซึมดู ขนาดของปากกา Ajoto มันเล็กกว่าเยอะอยู่แล้วในเรื่องความอ้วนป้อม แต่ว่าความยาวของ Ajoto จะยาวเท่ากับปากกาลามี่ซาฟารีในขณะที่สวมปลอกปากกาอยู่ครับ และแน่นอนว่า Ajoto รูปทรงเรียวกว่าอย่างเห็นได้ชัด

Aluminium Silver

Aluminium Silver

Aluminium Matte Black

Aluminium Matte Black

น้ำหนักนั้นจะต่างกันตามวัสดุครับ พวกปากกาที่เป็นวัสดุ Aluminium อย่างรุ่นตัว Aluminium สีเงิน กับ Aluminium สีดำจะมีน้ำหนักค่อนข้างเบาหน่อยครับ โดยน้ำหนักปากการวมไส้จะอยู่ที่ 25.4 กรัม ซึ่งก็ถือว่าเป็นน้ำหนักกลางๆ กำลังพอดีมือเลย

Brass

Brass

Stainless Steel

Stainless Steel

แต่ถ้าเรามาลองดูรุ่นที่ใหญ่ขึ้นมาอย่างตัว Brass ทองเหลือง จะอยู่ที่ 53.5 กรัม และตัวท๊อปสุดที่อยู่ในมือผมคือ Stainless Steel จะหนักที่ 51.4 กรัม ดังนั้นนอกจากจะเลือกที่หน้าตาของปากกาแล้ว ผมก็อยากจะให้ลองเข้ามาที่ร้านแล้วลองจับถือดูนะว่าชอบปากกาที่มีน้ำหนักประมาณไหน จับแล้วจะถนัดมือมั้ย เป็นต้น

สมดุล การจับถือ

เรื่องของสมดุลปากกาผมขอแยกออกเป็น 2 ชุดนะครับ อย่างที่ได้บอกไปว่าปากกา Ajoto นั้นจะใช้วัสดุในการทำตัวด้ามที่แตกต่างกันออกไป ตัว Aluminium ที่เราชั่งน้ำหนักไปตะกี้จะเห็นว่าเบากว่าทั้งแบบ Brass และ Stainless Steel ดังนั้นสมดุลของปากกาจะต้องแตกต่างกันแน่นอน

ajoto-34ajoto-36

โดยปากกา Ajoto ใช้วัสดุที่เป็น Aluminium สมดุลจะค่อนไปทางข้างหลังด้ามปากกาครับ แต่เพราะปากกาตัว Aluminium มันน้ำหนักค่อนข้างเบาเลยทำให้ไม่รู้สึกถึงหน้ายกหรือหลังห้อยอะไร

ajoto-35ajoto-37

ส่วนอีกด้ามที่ใช้วัสดุที่หนักขึ้นมาเช่น Brass และ Stainless Steel ผมใช้ตัว Stainless Steel มาเป็นตัวทดสอบเพราะน้ำหนักใกล้เคียงกับ Brass ซึ่งสมดุลจะลงที่กลางด้ามพอดิบพอดี ทำให้เวลาที่เราหยิบมาเขียนนั้นน้ำหนักส่วนใหญ่จะกดลงในอุ้งมือ เวลาเขียนจะรู้สึกถึงปากกามีน้ำหนัก รู้สึกมั่นคงเวลาที่เขียนนั่นเอง

ลองเขียน

ajoto-38ajoto-39

ปรกติแล้วผมจะใช้ปากกาแบบหมึกซึมมาโดยตลอดครับ เพราะอย่างที่รู้ว่าผมเคยใช้ปากกาแบบ Rollerball ของ Lamy แล้วมันเขียนไม่ดีผมไม่ประทับใจเลย แต่ความคิดเรื่องไส้ปากกา Rollerball ของผมต้องเปลี่ยนแบบยกบ้านขึ้นมาแล้วทุ่มหลังคาลงพื้นเลย เพราะว่าไส้ของ Ajoto นั้นเขียนได้ลื่นมากกกกกกกก โดยไส้ที่ผมใช้นั้นเป็นไส้ที่ให้มาพร้อมกับชุดปากกา เป็นหมึกสีดำขนาดประมาณ 0.3mm – 0.4mm ซึ่งเส้นนั้นเล็กทีเดียว แต่ด้วยเพราะว่าน้ำหมึกที่ไหลอย่างดีสม่ำเสมอ อีกทั้งยังเขียนได้ลื่นดีงาม ทำให้เส้นเล็กที่ได้นี้มีความคมชัดในระดับสูงสุด เขียนแล้วก็เพลินมือมาก ไม่มีอาการเส้นขาดให้ได้เห็นเลยแม้จะเขียนยาวนานต่อเนื่องหรือลากเส้นไปมาติดต่อกัน ใครที่เป็นแฟนปากกาประเภทหัวบอล Rollerball ผมรับรองเลยว่าจะติดใจแบบสุดๆ

ajoto-40

หมึกที่ได้จาก Ajoto ถึงแม้จะเป็นสีดำก็จริงจนคุณผู้อ่านอาจจะคิดว่า เอ้ย! พกปากกาคูลๆ ด้ามนี้ไปสเก็ตช์รูปอ่อยสาวแล้วลงสีน้ำในร้านกาแฟน่าจะได้นะเนี่ยะ แต่เสียใจครับ! เพราะว่าหมึกปากกามันไม่กันน้ำเท่าไหร่ ผมลองเอาพู่กันปาดๆ สีก็เละไหลออกมาแล้วแต่ยังพอเหลือเส้นให้ยังสามารถอ่านได้ ว้าๆๆ อดอ่อยเลยอ๊ะ!


ซองหนัง Ajoto – The Pen Pouch : 1,800 บาท

นอกจากปากกา Ajoto แล้ว เค้ายังซองใส่ปากกาที่ทำออกมาสำหรับปากกา Ajoto โดยเฉพาะ ทีแรกผมอยากจะเขียนเล่าถึงแค่ตัวซองหนังเท่านั้น แต่เจอดีไซน์ของกล่องใส่ซองเข้าไปก็เลยอยากเอามาให้ดูกันอณูเลย

กล่องใส่ซองหนัง

ajoto-41 ajoto-42 ajoto-43 ajoto-44

กล่องกระดาษที่ทำกล่องออกแบบมาเป็นฝาพับ 2 ขั้นครับ โดยไอฝาหลังนั้นมีการเจาะรูกลมๆ ที่ผมว่าเท่จังอ่ะ! รูนี้จะโบ๋เพื่อเผยให้เห็นว่าซองหนังข้างในกล่องนั้นเป็นซองสีอะไรกันแน่โดยไม่ต้องเอาสติ้กเกอร์มาแปะบอกเหมือนตัวกล่องปากกา และเมื่อเปิดออกก็จะมีข้อความพิมพ์สีเงินสลักไว้ในกล่อง และแล้วเราก็จะพบกับซองหนังในที่สุด

ตัวซอง

ajoto-45ajoto-46 ajoto-47

ซองใส่ปากกาของ Ajoto ที่ผมได้รับมานั้นมีด้วยกัน 5 สีครับ เทา ดำ น้ำตาลอ่อน น้ำตาลเข้ม และน้ำเงิน แต่จริงๆ แล้วมันยังมีอีกสีนึงนั่นก็คือสีแดงครับ ซึ่งถ้าของเข้ามาผมว่าจะต้องมีการเสียเงินแน่ๆ เพราะจะดูเข้ากับปากกาสีดำมากๆ ตัวซองนั้นจะเป็นสี่เหลียมผืนผ้าก้นมน แต่ที่ปลายด้านบนที่เป็นช่องให้เสียบปากกาลงไปจะตัดเป็นเหลี่ยมฉากที่ใช้หนังสองชิ้นเหลื่อมกัน เผยให้เห็นลายปั้มของหนังด้านในซองซึ่งเป็นลายที่เป็นเอกลักษณ์ของ Ajoto เอง

ajoto-48 ajoto-49

ผมเลือกซองสีน้ำเงินและปากกา Ajoto ตัวสีเงิน Aluminium เพราะเห็นว่ามันจะต้องเข้าคู่และสวยงามเหมาะกับนักลงทุนเท่ๆ อย่างผม ตัวซองนั้นทำออกมาเป็นขนาดพอดีกับตัวปากกาครับ ซึ่งตอนที่สอดปากกาเข้าไปนั้นมันจะคับๆ แน่นๆ สักนิดนึงซึ่งพวกซองหนังนี้ หากใช้ไปสักพักมันก็จะหลวมขึ้นมาอีกนิดนั่นแหล่ะ และเมื่อสอดปากกาเข้าไปจนสุด ส่วนบนของซองที่ตัดบากไว้จะเผยให้เห็นในส่วนของปลายปากกา Ajoto เห็นเป็นโลโก้และที่หมุนปากกาพอดิบพอดี เท่…ซึ่งผมเห็นว่าคงได้เสียตังค์ซื้อพร้อมกับตัวปากกาแน่ๆ


ซื้อที่ไหน? ราคาเท่าไหร่?

ปากกาและซองของ Ajoto นั้นมีขายเฉพาะที่ ร้านละมุน สยามสแควร์ซอย 10 เท่านั้นครับ โดยราคาค่าตัวของปากกาแต่ละด้ามจะแตกต่างกันตามรุ่นดังต่อไปนี้

The Pen – Aluminium Silver (อลูมิเนียมสีเงิน) 6,600 บาท
The Pen – Aluminium Matte Black (อลูมิเนียมสีดำ) 7,000 บาท
The Pen – Brass (ทองเหลือง) 7,500 บาท
The Pen – Stainless Steel (สเตนเลสสตีล) 8,500 บาท

Rollerball Refill Ink ไส้หมึก (ขายเป็นชุดโดย 1 ชุดจะมี 3 ไส้) 700 บาท
Pen Pouch ซองปากกา 1,800 บาท


ความเห็นจากบีบีบล็อกสุดยอดนักลงทุน

คุณผู้อ่านรู้มะ? ความคิดที่ผุดขึ้นมาบนหัวตลอดเวลาเมื่อผมเห็นเจ้าปากกา Ajoto นี้ก็คือเรื่องที่ว่า หากคุณมีเงิน 1 หมื่นบาทแล้วเดินเข้าไปในห้างเพื่อหาปากกาที่ดีที่สุดเท่าที่จะหาได้ หน้าตาเท่ ใช้งานดีงาม มาใช้เป็นปากกาคู่ใจหรือเป็นของขวัญให้ใครสักด้ามนึง เราจะซื้อปากกาอะไร? ถ้าจะเลือกจากในท้องตลาดที่วางขายตามตู้ทั่วไปก็คงจะเป็นปากกายี่ห้อที่คุ้นหูคุ้นตาและหน้าตาแบบเดิมๆ เหมือนปากกาทั่วๆ ไป แต่ถ้าเมื่อก่อนผมก็คงจะเลือกแบบนั้นแน่ แต่ถ้าเป็นตอนนี้ผมจะเลือก Ajoto อย่างไม่ต้องสงสัยเลย ได้ของดีแถมมีเงินเหลือไปซื้อซองปากกาได้อีกด้วย

แต่ทั้งนี้มันก็น่าเสียดายนะที่ Ajoto มีปากกาแต่แบบ Rollerball เท่านั้น คนที่ถนัดและชื่นชอบปากกาหมึกซึมแบบผมเลยอาจจะไม่อินมากมายเท่าไหร่นัก เพราะผมก็อยากใช้หมึกที่ตัวเองชอบ แต่เรื่องนี้ถูกทดแทนด้วยความที่มันเป็นปากกา Rollerball ที่เขียนได้ดีมากๆ เขียนสนุก ลื่นไหล และให้เส้นที่คมชัด ตรงจุดนี้แหล่ะที่ทำให้แฟนปากกาหมึกอย่างผมมีใจสั่นไหวได้

การออกแบบและการผลิตเป็นอะไรที่ผมให้ความสำคัญมาโดยตลอดเลยนะไม่ว่าจะเป็นเครื่องเขียนชนิดใดก็ตาม และกับปากกา Ajoto นี่ก็ทำให้ผมทึ่งในเรื่องความใส่ใจในทุกๆ รายละเอียดจริงๆ ทั้งการออกแบบกล่องนอก กล่องใน ฐานกล่องใส่ปากกา ตัวปากกา ไส้ คือมันโคตรดีงามเลยอ่ะ! ออกแบบกล่องได้ชาญฉลาดไม่เหมือนใคร ทำให้ดูเท่ดูหรูหราแม้เพียงเห็นจากภายนอก นอกจากนั้นด้วยความที่ทาง Ajoto เจาะจงเลือกผู้ผลิตปากกาที่ยอดเยี่ยมที่สุดทั้งจากในอังกฤษเองและเจ้าอื่นๆ ในยุโรป เลยกลายมาเป็นปากกาที่ผมกล้าพูดได้เต็มปากกาว่าเนี้ยบที่สุดด้ามนึงในตลาดเลย

ajoto-13

แล้วทีนี้จะเลือกด้ามไหนดีล่ะ? นอกจากหน้าตาแล้วผมอยากแนะนำให้เลือกที่น้ำหนักของปากกาด้วยครับ อาจจะลองเข้าไปหยิบจับที่ร้านละมุนแล้วลองเขียนกันดูก่อน เพราะวัสดุที่ใช้ในการผลิต Ajoto แต่ละด้ามนั้นจะแตกต่างกันออกไป ถ้าใครที่ชอบปากกามีน้ำหนักหน่อยก็อาจจะชอบ Brass กับ Stainless Steel แต่ถ้าชอบปากกาที่เบามือลงมาหน่อยก็อาจจะมองเป็นด้าม Aluminium Silver กับ Aluminium Black ก็ได้ หรือจะสอยทั้งสองก็ไม่ว่ากันแต่มันน่าอิจฉาก็เท่านั้นเอง

จุดติงหนึ่งเดียวที่ผมมีกับปากกา Ajoto นี้ก็คือเรื่องที่ไม่มีคลิปเหน็บกระเป๋ามาให้เลย ไม่มีการขายคลิปเหน็บแยกต่างหากด้วย เนื่องด้วยการออกแบบที่ต้องการเน้นถึงความ minimal เรียบหรู น้อยแต่มาก ปากว่ายากแต่ก็ง่าย(อัลไล?) ซึ่งอาจเป็นปัจจัยหนึ่งที่ผู้ออกแบบเลือกที่จะตัดเรื่องคลิปเหน็บกระเป๋าเสื้อออกไปเลยและไม่มีการทำคลิปแยกแบบทาง Kaweco มันเลยค่อนข้างเป็นปัญหากับผมที่เป็นคนเหน็บปากกาที่กระเป๋าเสื้อตลอดเวลา ทำเอาผมไปไม่เป็นเลยว่าจะพกปากกาด้ามนี้ออกบ้านยังไง จะใส่กระเป๋ากางเกงก็กลัวหล่นหาย จะใส่กระเป๋าสะพายก็หยิบมาเขียนไม่สะดวกไม่ทันใจ แต่ก็อย่างว่าอ่ะมันเท่ซะขนาดนี้ สงสัยผมต้องชั่งใจกับเรื่องพวกนี้กันดูอีกที

ajoto-50

ตอนนี้ปัญหาของผมคงไม่ใช่เรื่องที่ว่าจะซื้อ Ajoto – The Pen ด้ามนี้มาครอบครองหรือไม่ แต่ปัญหาคือ “จะซื้อ Ajoto ด้ามไหนบ้าง” ปากกาที่หน้าตาสวยงามดูหล่อเท่แถมเนี้ยบตั้งแต่กล่องข้างนอกจนถึงตัวปากกาภายในแบบนี้ วัสดุที่เลือกใช้ก็ล้วนแล้วแต่มีความพิเศษสวยงาม เข้ากันกับการออกแบบที่ใส่ใจในทุกรายละเอียดจริงๆ นอกเหนือไปจากเรื่องความงามแล้วก็ต้องเป็นเรื่องของการเขียนที่ไม่ได้เพียงแค่ปากกาสวย แต่ว่าตัวไส้ของ Ajoto ก็เขียนได้ลื่นไหลดีงามมากๆ หัวปากกา Rollerball ที่ทำจากเซรามิกทำให้เรามั่นใจได้เลยว่าการเขียนจะไม่มีสะดุด เส้นที่ได้จะต่อเนื่องแล้วเขียนได้สนุกตั้งแต่อักษรตัวแรกจนถึงเส้นขีดปิดท้ายต้นฉบับเลยทีเดียว หากคุณผู้อ่านท่านใดที่กำลังมองหาปากกาที่พิเศษสุดๆ อยู่ละก็ ผมขอแนะนำปากกา Ajoto ด้ามนี้เข้ามาเป็นปากกาคู่ใจด้ามใหม่ของทุกคนนะครับ

ขอขอบพระคุณ

ร้านละมุน สยามสแควร์ซอย 10 ที่สนับสนุนปากกา Ajoto และซองใส่ปากกาสวยๆ เหล่านี้มาให้ผมได้ลองใช้และตื่นตะลึงไปกับการออกแบบที่ยอดเยี่ยมทุกขั้นตอนนี้ด้วยครับ ขอบพระคุณครับ!

หากอ่านแล้วถูกใจชอบใจ ฝากกดแชร์ด้วยนะครับ ขอบคุณครับ \( - 3-)/
โพสตอนนี้อยู่ในหมวด Pen และมี tag ดังนี้ , , , , โพสเมื่อวันที่ .
hackhq

คนธรรมดาที่หลงใหลในการสเก็ตช์ ใช้ปากกาลามี่เป็นอาวุธ มีสมุด Moleskine เป็นผืนผ้าใบและมีจินตนาการในรูปของสีน้ำ หลงใหลรูป รส กลิ่น ของกาแฟ และเคลิบเคลิ้มกับเสียงของดนตรีแจ๊ส | ติดต่อผมบนทวิตเตอร์ได้ที่ @hackhq

เว็บไซต์ : https://www.bbblogr.com