ผมไม่เคยคิดเลยนะว่าวันนึงจะยอมจ่ายเงินมากมายเพื่อซื้อ “ปากกาลูกลื่น” มาใช้งาน มันเหมือนโดนเวทย์มนต์ เมายาป้ายหัวนม หรือมึนน้ำกระท่อม 4×100 ซึ่งจุดเริ่มต้นของเรื่องนี้นั้นก็คือ…

เรื่องมันเริ่มจากที่ว่าผมเก็บตัวช่วงโควิดมานานมากเหลือเกิน ไม่ได้ออกนอกตัวอาคารที่พักอาศัยตั้งแต่ปลายเดือนเมษาอ่ะ ครั้งสุดท้ายที่ออกคือออกไปซื้อกีต้าร์กับทำหน้าเสริมหล่อนิดนึง หอบของเข้าบ้านปุ๊บอีกวันโควิดก็ระบาดหนักทั้งบางกอกเลย

…ไม่ใช่เพราะผมนะ

หลังจากที่เก็บตัวมาหลายเดือน เมื่อเดือนที่ผ่านมาผมก็ได้รับโชค ได้ไปฉีดวัคซีนเสียทีหลังจากที่โดนเลื่อนนัดมาหลายครา สงสัยที่ได้ฉีดอาจเป็นเพราะผมบนบานศาลกล่าวไว้เสียเยอะเพราะว่าการจะได้ฉีดวัคซีนในเมืองไทยนี้ จะหวังใช้ปัญญาและเหตุผลใดๆ ไม่ได้อีกแล้ว มันต้องเล่นคุณไสยหรือไหว้ฟ้าไหว้ดินให้พระเจ้าส่งวัคซีนมาให้ฉีดสักเข็ม

“รักแท้ที่ว่าหายาก ยังหาไม่ยากเท่าวัคซีนโควิด”

พอได้ออกบ้านในรอบหลายเดือนก็แพนิคไง ลนลานไปหมดว่าต้องเตรียมตัวยังไงบ้าง เอาแอลกอฮอลไปกี่ขวด หน้ากากต้องมีสำรองมั้ย แล้วมันต้องเซ็นชื่อก่อนฉีดป่ะวะ งั้นเอาปากกาไปเองละกัน! แต่ครั้นจะเอาพวกปากกาหมึกซึมไปแล้วถ้าจู่ๆ ดวงซวยเขียนไม่ติดขึ้นมาก็ต้องใช้ปากกาของทางโรงพยาบาลอีก กูจะติดโควิดจากปากกาเวียนมั้ยวะ?! สุดท้ายเลยพกปากกาลูกลื่นไปเองซะเลย และที่ผมพกไปก็คือ Caran d’Ache Nespresso ด้ามสีน้ำเงินรุ่นแรกของซีรีย์

…แต่นั่นก็ทำให้ผมคิดว่า ไหนๆ จะพกปากกาลูกลื่นแล้ว ทำไมไม่พกด้ามที่มันเด็ดที่สุด ถูกใจที่สุด และสื่อถึงความเป็นตัวเองมากที่สุดล่ะ?

Caran d’Ache Ecridor Racing Ballpoint Pen [ขอเชิญเยี่ยมชม] คือปากกาลูกลื่นที่ผมพบแล้วว่ามันเกิดมาเพื่อทำให้ผมปันใจจากปากกาหมึกซึม จริงๆ แล้วในซีรีย์ Ecridor Racing นั้นยังมีแบบที่เป็นดินสอกดอีกนะซึ่งรุ่นนั้นจะมีซองหนังใส่มาให้ด้วย แล้วไอเจ้าซองหนังก็เป็นสีดำแดงอีกด้วย ทีนี้พอคุณผู้อ่านหลายคนได้ยินชื่อก็คงคิดว่ามันก็คือ Caran d’Ache 849 แบบที่เห็นกันบ่อยๆ ไม่ใช่เหรอ? ตอบเลยว่า “ไม่ใช่!”

แกะกล่อง

เริ่มกันที่การแกะกล่องก่อนนะ กล่องจะหุ้มด้วยซองกระดาษสีแดงสดและเมื่อเปิดกล่องปากกาออกมาก็จะเจอปากกาแหล่ะ คงไม่เจอวัคซีนหรอกบ้าบอ แล้วคุณผู้อ่านเห็นไอป้ายสี่เหลี่ยมนั่นป่ะ? หน้าตาดูดีเหมือนห่อช็อคโกแลตที่เสริฟมากับกาแฟร้าน Dean & Deluca เลยแต่ที่จริงแล้วภายในห่อนี้มันคือผ้าเนื้อเนียนที่เค้าให้มาสำหรับเอาไว้เช็ดปากกาสุดรักของเรานั่นเองซึ่ง …ผมเอาปากพ่นไอน้ำแล้วเช็ดกับชายเสื้อก็ได้ป่ะวะ?

…พฤติกรรมของพี่ปอนด์ไม่เหมาะกับของแพงอ่ะค่ะ น้องคงต้องขอบาย อี๋~

ตัวกล่องมันเป็นกล่องแบบปรกติของรุ่น Ecridor นั่นแหล่ะ พอดึงเปิดชั้นที่วางปากกาก็จะมีช่องว่างข้างล่างซึ่งเดิมทีมันเป็นช่องสำหรับพวกหมึกปากกาของ Ecridor Fountain Pen แต่เพราะด้ามนี้มันเป็นปากกาลูกลื่นก็เลยมีคู่มือมายั่วให้เราอยากได้ปากกาด้ามอื่นเฉยๆ

ผมอาจจะเคยรีวิวปากกาลูกลื่น Caran d’Ache ไปก็หลายครั้งซึ่งหน้าตามันก็ประมาณเจ้าด้ามดำนี่แหล่ะนะ แต่ที่เคยเขียนไปนั้นมันคือรุ่น 849 ครับ แต่กับเจ้าดำแดงในวันนี้คือปากการุ่นที่สูงขึ้นมาคือรุ่น Ecridor รายละเอียดต่างๆ ก็จะแตกต่างกันไปซึ่งเดี๋ยวผมจะเทียบกับรุ่น 849 ให้ดู ซึ่งสิ่งที่ผมให้ความสำคัญที่สุดที่ทำให้ผมสนใจเจ้า Caran d’Ache Ecridor Racing ด้ามนี้มากๆ นั่นก็คือเรื่อง “ดีไซน์”

Design

จะว่าดีไซน์นำให้ผมซื้อด้ามนี้อาจจะไม่ใช่เหตุผลหลักนะ เอาจริงเหตุผลหลักที่ผมซื้อมาก็เพราะว่า มันเป็นปากกาสี “ดำ-แดง” ซึ่งถือเป็นทริกเกอร์ที่แบบว่า ถ้าของอะไรก็ตามมีสัดส่วนสี ดำ 90% แล้วแดงอีกประมาณ 10% ผมเป็นเหมือนโดนสะกดจิตให้หามาครอบครองโดยในทันที

Ecridor Racing นั้นเค้าบอกว่าออกแบบมาโดยได้แรงบันดาลใจมาจากรถแข่งครับ ไม่ว่าจะเป็นการทำตัวด้ามโดยเจาะให้มีลวดลายเหมือนพวกกระจังหน้ารถแข่งก็ตาม หรือเส้นสีแดงนั่นก็บอกว่าเหมือนไฟเบรค และทั้งหมดนี่คือคอนเซ็ปดีไซน์ของปากกาด้ามนี้นั่นเอง

…แค่ทำปากกาสีดำ-แดงมาผมก็ซื้อโดยไม่ลังเลแล้ว ไม่ต้องโม้ยืดยาวหรอก

ปากกา

มองผ่านๆ เราอาจจะนึกว่ามันเป็นปากกา Caran d’Ache 849 ที่เราคุ้นเคย แต่ถ้ามาเจาะกันทีละจุดเราจะเห็นรายละเอียดของ Ecridor ที่ปราณีตสมกับเป็นรุ่นที่หรูขึ้นมาในจุดต่างๆ

ตัวด้ามปากกานั้นวัสดุเป็นทองเหลืองที่เคลือบด้วยสีดำด้านแล้วทำพื้นผิวแบบพ่นทรายซึ่งให้สัมผัสที่ดีมากนะ เอานิ้วลูบดูจะรู้เลยว่าดีกว่าแค่ทาสีด้านเฉยๆ ตัวลวดลายที่เห็นละเอียดๆ บนด้ามปากกานั่นเกิดจากการใช้เครื่องจักรเจาะด้วยเทคนิค Guilloché แบบที่เค้าใช้ในการทำพวกหน้าปัดนาฬิกาข้อมือรุ่นหรูๆ หน่อยอ่ะ ทำให้ได้ลวดลายที่ปราณีต เส้นคมและชัดเจน

เส้นสีแดงสองเส้นข้างตัวปากกาที่อยู่บริเวณเหนือกริบขึ้นมานิดนึง คือหมัดเด็ดที่สุดที่ซัดให้ผมงงงวยจนแทบจะลงไปกองกับพื้น เส้นสีแดงที่เปรียบเปรยเหมือนไฟเบรกนั้นใช้วิธีเพ้นต์สีแดงสูตรแลคเกอร์ด้วยมือมนุษย์นะ ซื่งเส้นเล็กและเนี๊ยบมาก เป็นสีแดงสดและเงางามบนตัวด้ามสีดำด้าน

ตัวคลิปและปุ่มกดของรุ่น Ecridor Racing จะสลักลวดลายโดยใช้เลเซอร์ และไหนๆ จะสุดแล้วก็เลยไปสุดที่ตัวคลิปและปุ่มกดจะทำการชุบด้วย Palladium (พาลาเดียม) เพื่อให้พื้นผิวทนทานเป็นริ้วรอยได้ยากแถมยังเงางามเปล่งประกายวิบวับเมื่อสะท้อนแสง หรู!

ซื้อที่ไหน ราคาเท่าไหร่

ครั้งนี้ต้องบอกเลยว่าผมแอบปันใจจากคุณแฟร้งค์แหล่ะ เบลอๆ กลับมาจากฉีดวัคซีนไง เลยกดซื้อจากร้านในไทยเลยเพราะอยากได้ของเร็ว (แต่ก็ดันได้ของช้า กร๊าก) ซึ่งผมจะขอลงราคาจากทั้งสองละกันนะ

• ร้าน fontoplumo.nl ของคุณแฟร้งค์ ที่นี่จะขายอยู่ที่ราคา €115.70 (4,423 บาท) ถ้าใส่โค้ด bbblog ก็จะได้ลดอีก 10% เหลือ €104.13 หรือก็คือ 3,980 บาท ที่สำคัญคือยอดนี้ผ่านโปรส่งมาประเทศไทยฟรีด้วย! โคตรถูก!!
• ร้าน Caran d’Ache Bangkok ราคาขายบน Lazada จะอยู่ที่ 4,880 บาท ที่ผมเลือกที่นี่เพราะวันนั้นผมอยากได้ของเร็วแต่กลายเป็นว่าดวงผมซวยครับ เป็นช่วงที่ Flash Express เจอโควิดแล้วต้องปิดศูนย์กระจายสินค้าพอดีเลยใช้เวลา 7 วันจากวันที่จัดส่งจึงได้รับของ แต่ผมว่าตอนนี้น่าจะไม่มีปัญหาแล้วล่ะครับ ยังไงลองสอบถามทางร้านดูนะ

อิจฉาผมแหล่ะรู้สึกได้ (มโน) เอาจริงๆ ผมยังงงๆ อยู่เลยนะว่าทำไมถึงเอาเงินเกือบ 5 พันไปปาใส่ปากกาลูกลื่นได้วะ แทนที่จะเอาไปจัดปากกาหมึกซึมที่ผมรักอย่าง Namiki Falcon อีกด้าม หรือจะถอย Lamy 2000 สุดคลาสสิคมาก็ได้ หรือถ้ายังอยากอยู่ในเส้นทางของปากกาลูกลื่น-หัวบอล เพิ่มอีกนิดหน่อยก็ได้ Ajoto สุดหรูแล้วอ่ะ แต่ก็นั่นแหล่ะ ความหลงใหลต่อปากกาที่เป็นสีดำแต้มแดงของผมมันอยู่เหนือทุกสิ่ง ยิ่งพอได้เห็นว่ารายละเอียดในจุดต่างๆ นั่นถูกคิดและบรรจงสร้างอย่างตั้งใจ ทำให้อดไม่ได้จริงๆ ที่ผมจะต้องมีเจ้า Caran d’Ache Ecridor Racing ด้ามนี้มาไว้ในครอบครองครับ