เคียเองค่ะ
นี่เป็นโพสท์ที่ตกกระไดพลอยโจนได้เขียนจากการอู้งานไปเที่ยวโตเกียว เป็นทริปที่ทรหดอดข้าวเพื่อซื้อของมากค่ะ ฮือฮือ …เดี๋ยวนี้ใครๆ ก็ไปญี่ปุ่น เราจึงได้เขียนโพสท์นี้ด้วยความรู้สึกที่ไม่ไกลเกินเอื้อมผู้อ่านที่น่ารักเท่าไหร่ ถึงแม้ว่าคุณผู้อ่านจะไม่ได้ไป แต่ก็เป็นที่หมายที่ฝากเพื่อนฝูง ญาติมิตร ครอบครัวไปได้อยู่ พอๆ กับรีวิวร้านเชียงใหม่ (ฮา)
วันแรกที่ไปถึงก็บ่นให้เพื่อนที่วาดรูปด้วยกันฟังว่า Loft นี่ไม่ว่าจะใหญ่ขนาดไหน ก็มีแต่ของไม่จำเป็น+ราคาแพงเต็มไปหมด พอเข้าไปทีนึง ก็จะได้ของที่ไม่เกี่ยวกันออกมาเพียบเลย แต่พวกเครื่องเขียนแบบที่หาก็หาไม่เจอเท่าไหร่
เพื่อนเลยบอกว่า มาผิดที่แล้วจ้ะ สถานที่ที่จะตอบสนองความต้องการของหล่อนได้อยู่ที่สถานี Ginza ต่างหาก
ร้านสุดหรูที่ตกแต่งได้งดงามอย่างชั่วร้ายนี้ไปไม่ยาก ขอเพียงแค่เข้ามาในโตเกียว พยายามเข้าใจกับแผนผังรถไฟฟ้าอันแสนยุ่บยั่บของมัน กดเลือก Ginza เป็นสถานีปลายทางและพยายามพาตัวเองมาให้ถึง คุณก็จะได้พบเขตเมืองที่แสนหรูหราจนทำให้รู้สึกว่าตัวเองเป็นไพร่กระฎุมพีน้อยๆ เพราะคุณช่างไม่ฟิตอินกับย่านไฮโซนี้เอาเสียเลย (….นี่เป็นหนึ่งในคนที่รู้สึกแบบนั้น กร๊ากก)
“กินซ่า” เป็นย่านหรูรุ่มรวยสวยสะอาด มีของกินอร่อยๆ มากมาย เสียดายที่ไม่ได้แวะ เพราะเป็นวันที่ยุ่งพอควร กับสถานีนี้ วันนี้เรามีเป้าหมายเดียว คือตึก K. Itoya ที่อยู่ห่างจากสถานีกินซ่ามาแค่ร้อยเมตร
ส่วนพิกัดของร้าน แนะนำว่าถ้ามีเน็ตก็เปิดกูเกิ้ลแมปตอนลงจากสถานี จะได้ไม่สับสนทางออกว่าประตูไหนจ้ะ
ตึก K. Itoya อยู่ข้างหลัง G.Itoya ซึ่งเป็นตึกยานแม่
ส่วนตึก K นี่เน้นไปทางโลกของเครื่องเขียนที่จัดเต็มสุดๆ มีถึง 7 ชั้นด้วยกัน ทำเอาซะกระเป๋าฉีกเลยทีเดียว วันนี้เราจะมาพูดถึงตึกนี้กัน
ซูมแต่ละชั้นกันสักนิด
รีวิวนี้เราขอเน้นไปที่ชั้น 4 กับ ชั้น5 ซึ่งเป็นของโปรด แคนดี้แลนด์ของเราแล้วกันนะคะ
เราวนอยู่ในสองชั้นนี้นานมากๆ ค่ะ มาถึงก็ข้ามชั้น6 กดลิฟท์ปิ๊ง ไปที่ชั้น 5 เลย
ขอเชิญทรรศนา
ชั้น5 Paints
ลิฟท์หยุดที่ชั้น 5 เปิดมาเป็นความอลังการงานเล่นใหญ่ของเหล่าสีน้ำ สีน้ำมัน สีอะคริลิค บริเวณของจัดอย่างเป็นระเบียบ เปิดกล่องโชว์ทุกสิ่งอย่าง ไม่แออัด แต่ให้ความรู้สึกมีพลัง ชวนฝัน ชวนให้เดินเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของมัน และเสียเงินกับมันเป็นจำนวนมาก /ร้องไห้
เรื่องสีน้ำ ส่วนใหญ่ญี่ปุ่นจะใช้สียี่ห้อ Holbein (โฮลไบน์) กัน ขึ้นแท่นเป็นอาร์ตติสเกรดราคาถูก หลอดละร้อยกว่าเยน ผลิตในประเทศตัวเอง มีเฉดให้เลือกมากมาย
รองลงมาจะเป็น Winsor & Newton ที่หน้าตาต่างจากที่ขายในไทย ไม่รู้ว่าความแตกต่างคืออะไร ต่อด้วย Sennelier ที่จะราคาแพงแบบอัพอัพอัพ ขึ้นมาเลย รุ่นผสมน้ำผึ้งค่ะ ซื้อไทยตอนช่วงเขาจัดงานลดราคาคงถูกกว่าเนอะ
ทางลิ้นชักซ้ายสุดของภาพคือสกรีนโทนสำหรับงานมังงะ ถึงแม้ว่าเดี๋ยวนี้การติดสกรีนในคอมจะทำได้ง่ายๆ แล้ว แต่สกรีนแบบแฮนด์เม้ดไม่เคยเสื่อมความนิยมลงไปเลยจริงๆ
โซนสีหมึกค่อนข้างต่างจากที่ไทย ของไทยจะเน้นยี่ห้อ Ecoline กับ Peligan แต่ที่นี่ไม่มี ยี่ห้อนิยมจะมีของ Winsor& Newton อันนี้ไม่ค่อยเห็นในไทยเท่าไหร่ เห็นว่าเป็นหยดสีแบบธรรมชาติ
กับยี่ห้อ Dr. Ph. Martins สีสด ความทนแสงสูง ราคาก็แรงตาม นักเขียนการ์ตูนญี่ปุ่นนิยมใช้ในงานมังงะกัน ของยี่ห้อนี้เราซื้อมา เดี๋ยวจะพูดถึงอีกทีตอนท้ายๆ นะคะ
นอกจากสีหมึกแล้ว ชั้นนี้ยังขายหมึกสำหรับ Calligraphy ด้วย มีปากกาหัวตัด หัวเขียนหลากหลาย ช่วงนี้การเขียนฟอนท์แนวนี้เป็นที่นิยมมาก คนที่ต่อคิวนำหน้าเราสามคน ซื้อปากกาหัวตัดพวกนี้ทุกคนเลยทีเดียว และสองในสามเป็นผู้หญิงวัยเกิน 50 แล้วซะด้วยสิ
ลามี่เป็นปากกาที่ตามหลอกหลอนไปเสียทุกชั้น อย่าง Lamy Joy นี่ก็จัดเป็น 1 ในปากกาเขียนฟอนท์สวยด้ามหนึ่ง พี่ปอนด์เคยเขียนรีวิวไว้ ลองอ่านดูได้นะคะ
มุมกระดาษสีน้ำ (ขออภัยหากภาพไม่ชัด) เยอะมากจริงๆ คุ้ยกันสนุกสนาน อัดๆ เรียงกันให้เลือกจนตาลาย
สำหรับใครที่เลือกไม่ถูก ก็ไม่ต้องไปเปิดพลาสติกหุ้มเล่มของเขานะคะ (เขาห่อกันแน่นมาก เปิดไม่ค่อยออก) ทางร้านมีตัวอย่าง sample กระดาษแบบทดลองลงสีรูปให้ดูประกอบการตัดสินใจ ถ้าซูมไปจะเห็น texture ที่ชัดเจนขึ้น เลือกเอาแล้วแต่ชอบ
ตัวอย่างเทคนิคสีน้ำแบบต่างๆ ที่ทำได้ พร้อมคำแนะนำอย่างละเอียด เขียนให้ความรู้เพื่อยั่วน้ำลายให้คนซื้อของชัดๆ ชั่วร้ายนัก ร้านนี้ ฮื้อ
งานพู่กันก็ไม่น้อยหน้ากันเลย โซนนี้เป็น supplies ด้านการเขียนพู่กันแบบญี่ปุ่นครบวงจรตั้งแต่พู่กันแบบโบราณ พู่กันไม้ พู่กันแทงค์แบบเติมหมึก กระดาษ หีบหมึก มีวิธีเขียนประกอบ ด้านข้างเป็นโซนหนังสือให้ความรู้ เอาของที่อยู่ในประเภทเดียวกันมาเพิ่มพลังให้กัน
แคนดี้แลนด์พู่กันสำหรับสีน้ำ สีอะคริลิค สีน้ำมัน มุมนี้เห็นแล้วช็อคตายไปเลย กลั่นแกล้งกันมาก มีทุกยี่ห้อ ดีงามอร่ามตา เลือกกันสนุกสิคุณ
สำหรับชั้นนี้ ฮึก… อย่าถามเลยค่ะว่ากี่เยน หมดไปเยอะค่ะ
ชั้น4 Colors
ขึ้นชื่อชั้นว่า Colors (แต่ไม่ใช่ Paints แบบสีน้ำแล้ว) นางไม่ได้มาเล่นๆ
เชลฟ์ทั้งฝั่งใหญ่ๆ ติดไฟสีเหลืองขาวนวล ให้ไลท์ติ้งเอเลแก๊น เรียงรายไปด้วยสีไม้แท่งต่อแท่ง เรียงเฉดอย่างสมบูรณ์แบบ ใครเป็นOCDมาเดิน ที่นี่คงเป็นที่ที่ดี ไม่ทำให้คุณรู้สึกซัฟเฟอร์กับสีที่เรียงผิดเฉด
ถัดจากสีไม้ เชลฟ์ต่อไปเป็นแถบของสีชอล์กพาสเทล และอุปกรณ์พ่นเคลือบผลงาน มีหลายแบบมาก อยากจะสอยกลับมาสักกระป๋อง แต่เขาห้ามเอาขึ้นเครื่องบินนี่สิ
พาสเทลมีตั้งแต่พาสเทลกล่องฟ้าที่ขายในสยามมาร์เกตติ้งบ้านเรา แบบกล่องยี่ห้อที่ผลิตทั้งในและนอกญี่ปุ่น ไปจนถึงแบบแยกสีขาย (ในภาพที่เป็นลิ้นชักนั่นแหละ) มีตะกร้าน้อยๆ ให้ใส่ไปจ่ายเงินแล้วเขาจะมีบรรจุภัณท์ให้ตามแต่จำนวนที่ซื้อไป
ฝั่งซ้ายมีอะไร?
มหานครโคปิกและปากกามาร์กเกอร์หลากสียังไงเล่า !!
ไม่รู้ว่าตอนนี้ราคาโคปิกที่ไทยไปไกลเท่าไหร่แล้ว แต่มายืนดูที่นี่ ไม่ได้รู้สึกว่าราคาถูกเลยค่ะเฮ้ย ก็แท่งละร้อยกว่าบาทเหมือนไทยเด๊ะ (หรือว่ามันราคาขึ้นแล้วไทยขายแพงกว่านี้แล้วหว่า ?) ตามเชลฟ์จะมีโบรชัวร์วิธีการเล่นโคปิก Tutorial ทั้งแบบอนิเม ทั้งแบบลงสีธรรมชาติ บ้านเรือนให้หยิบไปดูกัน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นจะลงให้ได้แบบเขา คงต้องมีอย่างต่ำ 50 แท่งล่ะค่ะ ผลงานแต่ละคนเนียนกริ๊บซะเหลือเกิน
ตรงนี้เป็นปากกาเมจิกสำหรับนักเรียนไว้เลคเชอร์ พวกปากกาสีๆ มุ้งมิ้งๆ ที่นักเรียนมัธยมปลายเขาชอบใช้กัน ได้ไปทั้งโต๊ะใหญ่ๆ
ถ้าเราเป็นเด็กนักเรียนวัยนั้นเราคงพุ่งไปโต๊ะนี้อย่างแรก เสียดายที่เลยมาหลายปีแล้ว เศร้า
เห็นพี่ปอนด์ปลื้มยี่ห้อนี้ม้ากมาก การันดาชก็มานะครัช เส้นใหญ่มากครัช เอาไปทั้งผนังคนเดียวเลย ยอมใจ จัดสีไม้สีพาสเทลตามเฉดอีกต่างหาก
นอกจากทั้งหมดที่กล่าวไป ชั้นนี้ยังมีสมุดสเก็ตช์หน้าปกสวยๆ มีสีไม้ระบายน้ำที่โปรโมทรุนแรงมาก และโปสการ์ดที่แสนงดงามอยู่ตรงหน้าทางออกจากลิฟท์อีกด้วย
ชั้น3 Study
มาที่ชั้น 3 กันบ้างนะคะ ชั้นนี่ไม่แน่นเอี๊ยดเหมือนชั้นบนๆ ลำดับความไฮโซของห้างอิโตยะจะจัดจากไฮโซโคตร ไว้ล่างสุด ขึ้นไปบนๆ คือชนชั้นกลางลงเรื่อยๆ ซึ่งชั้น 3 นี่ก็ถือว่าหะรูหะรา มีเงินมีทองกันนิดหน่อยพอหอมปากหอมคอ ขายปากกาแบบ Lamy รุ่นทั่วไป แล้วก็พวกปากกาดีๆ ที่มีเคาเตอร์แบรนด์ขายกันตาม B2S น่ะ
นอกนี้ก็จะเป็นส่วนของตรายาง ตระประทับทางการ แฟ้มไฟล์ บอร์ดงานนักเรียน และกระดาษปรินท์งาน
บางฤดูกาลจะมีสื่อการเรียนรู้เช่นลูกโลก แผนที่ แต่ตอนที่ไปไม่มีจ้ะ
ชั้น 2
ขยับเข้ามาอีกขั้นกับความหรูหรามีระดับของคนรักปากกา เชื่อว่าพี่ปอนด์เดินเข้ามา นางจะกรี๊ดดังมาก 55555
ความเอเลแก๊นต่างจากชั้นอื่นมากค่ะ ยังไง? …อะ ดูภาพประกอบ รู้สึกจนไม่อาจเอื้อมจะเข้าไปถ่ายนางใกล้ๆ เลย
ผ่างงงงง …. แค่สีพื้นไม้เคลือบก็ต่างแล้วค่ะ….
ชั้นนี้จะเก็บ Fountain Pen รุ่นลิมิเต็ดไว้ ด้วยตู้กระจกและไลท์ติ้งราวกับกำลังโชว์งานศิลป์ มี Pen Care Room สำหรับดูแลลูกค้า ใครที่เป็นแฟนปากกาไฮเอนด์พลาดไม่ได้เลยทีเดียว
เปิดส้วมเข้ามายังตกใจ ห้องใหญ่กว่าห้องพักเราอีก ….. /กัดผ้าเช็ดหน้าอย่างคนจนส์
ขอเล่าก่อน ห้องน้ำแต่ละชั้นความหรูไม่เท่ากัน ชั้นนี้กว้างสุด งามสุด โอย จิเป็นลม
ชั้น 1 – B1
พอลงบันไดมาถึงชั้น 1 แล้ว ชั้นนี้คือชั้นที่เป็นประตูหน้าร้าน
เป็นโซนที่ราวกับสร้างมาให้คุณพี่ปอนด์อีกเช่นเคย ยังคงเต็มไปด้วยเหล่าปากกาที่ถล่มทลาย นี่บอกเลยว่าเป็นเฟิร์สไทม์ อิน ฟอเรฟเวอร์ ♫ ที่เคยเจอร้านไหนบนโลกใบที่ ที่สร้างตึกมาให้ 3 ชั้นมีแต่ปากกา ปากกา และ ปากกา
เชลฟ์ของ Parker
พนักงานที่นี่เชี่ยวชาญในการห่อกล่อง ใส่ถุงเนี้ยบๆ มากๆ ค่ะ อาจจะเพราะของที่ขายมันราคาไฮเอนด์
ส่วนชั้นใต้ดินก็ไม่มีอะไรมาก เป็นชั้นขายกรอบรูป มืดๆ ทึบๆ ด้วยความที่ไม่มีหน้าต่าง แต่ขยันเล่นแสงในร้านดีค่ะ
ตอนที่ไปมีงานแกลอรี่ของนักวาดสีน้ำคนหนึ่ง สวยดี ได้โปสการ์ดกลับมาด้วย
มาดูของที่นุ้งเคียไปเสียทรัพย์ที่นั่นกันบ้าง
ของร้านนี้มีโปสการ์ดน่ารักๆ เยอะมาก (เป็นคนชอบซื้อโปสการ์ด ไม่ค่อยได้ส่งก็ยังซื้อ) ส่วนมากเป็นงานอาร์ตแบบมุ้งมิ้ง สีน้ำประปราย ส่วนของความหลากหลายยังไม่เท่าร้านแบบ Loft ที่เน้นขายของมุ้งมิ้งฟรุ้งฟริ้งอย่างเดียวไปเลย
สมุดสีน้ำเงินคือสมุดกระดาษสีน้ำ Alberio ของ Holbein ค่ะ ยังไม่ได้ลองอะไรจริงจังมาก แต่ราคาเล่มละ 600 เยนเท่านั้น ตอนซื้อไม่ได้คาดหวังคุณภาพนางเท่าไหร่ (แต่เป็นแฟนคลับสียี่ห้อนี้นะคะ) ข้างในเป็นผิวเรียบค่ะ ว่าจะเอามาใช้ลองเทคนิคกับพวกสีหมึก
Watercolor Masterpieces รวมผลงานสีน้ำของคุณ Yuko Nakayama (2800 เยน )
ภายในเล่มนี้เราไม่กล้าถ่ายรูปมาแปะเพราะกลัวลิขสิทธิ์ภาพของเขาค่ะ แต่เราตามผลงานของคุณยูโกะในเฟสบุ๊คมาตลอด ถ้าใครอยากเห็นความเทพปรี๊ดของแม่นางคนนี้ เชิญที่ลิ้งค์นี้เลยค่ะ
คุณยูโกะเป็นอาร์ตติสต์ญี่ปุ่นที่ลงสีภาพขนาดใหญ่เป็นเมตร เคยมาวาดที่อัมพวาและจัดแกลอรี่ในงานสีน้ำนานาชาติที่กรุงเทพด้วยค่ะ ภาพวาดฟุ้งๆ เลอะๆ ของเธอเป็นเอกลักษณ์มากจริงๆ อยากให้ได้ลองสัมผัสกัน
สีหมึก Dr. Ph. Martin’s
เป็นสียี่ห้อที่ไอดอลของเรา อ. นากามุระ อาสึมิโกะ ใช้ในงานปกมังงะ เคยเห็นอาจารย์เขียนฮาวทูให้ดูแล้วก็อยากลองเล่นทุกที พอลองมาใช้ยี่ห้ออื่นๆ ที่ขายในไทย ปรากฏว่าสีมันโดนกระดาษแล้วดร็อปไวมาก ไม่ทนแสงเอาซะเลย เพื่อนคนเดิมก็แนะนำให้ไปญี่ปุ่นแล้วลองสอยอันนี้ดูสักที
ราคารุนแรงมาก สนนราคาขวดละ 600 เยน (ขวดละเกือบ200) #อ้อก… ซื้อมา 4 ขวด CMYK เอามาผสมเอง
พร้อมหลอดดูดสีมุ้งมิ้งราคา 35เยน (ประมาณ 10 บาท)
ถ้าใช้เป็นเมื่อไหร่จะมาเล่าให้ฟังค่ะ
ตึก K. Itoya จริงๆ แล้วมีอีกตึกที่อยู่ใกล้ๆ กัน ชื่อว่า G. Itoya ค่ะ เป็นร้านที่เรียกตัวเองว่าร้านขายเครื่องเขียน ซึ่งจริงๆ แล้วหลากแนวกว่านั้นมาก เรียกได้ว่าเป็นร้านแนว Lifestyle จะดีกว่า เสียดายที่ไม่ได้เข้าไป วันนั้นธุระรัดตัวแทบขาด ข้าวยังไม่ได้กินเลย 5555
ใครอยากเห็นข้างใน เราเจอคนเขียนรีวิวดีๆ ไว้แล้ว คลิกเข้าไปดูได้ที่นี่ นะคะ
เท่านี้เชื่อว่าผู้อ่านที่น่ารักก็มีเป้าหมายใหม่ในการไปเที่ยวในโตเกียวแล้วใช่มั้ยล่ะ ใครที่ตามรอยไปเที่ยวมาเล่าให้ฟังกันได้นะคะ ว่าจัดอะไรมาบ้าง หมดตัวกันไปเท่าไหร่
Special Thanks: เมลลี่ ที่แนะนำร้านนี้จ้ะ