สมัยผมเรียนมัธยมต้น…ใช่ครับ มันผ่านมายาวววววนาาานนนมากแล้ว ผมเคยวาดการ์ตูนครับ ใช้ปากกาลูกลื่นหมึกน้ำเงินนี่แหละวาดลงบนกระดาษสมุดที่ตีเส้นไว้สำหรับจดเนื้อหาการเรียนในห้อง…คือไม่เรียนหนังสือไงเลยเอามาวาดการ์ตูน ถ้าอัพเกรดมาหน่อยก็เอากระดาษ A4 บนโต๊ะทำงานของพ่อนั่นแหละมาวาดการ์ตูนเล่น ในชั้นเรียนของผมจะมีเพื่อนกลุ่มนึงที่ชื่นชอบในการวาดการ์ตูนเหมือนกันกับผม เวลาพักกลางวันก็จะเอามาแลกเปลี่ยนกันอ่าน หนักเข้าหน่อยพอวาดกันหลายคนเข้าก็เอามาเย็บเล่มให้เพื่อนในห้องอ่านกัน ตลกบ้าง โดนล้อบ้าง สาวๆ หัวเราะคิกคักกันให้พอเขินบ้าง การวาดการ์ตูนนี่มันสนุกๆ

แต่เนื่องด้วยสมัยนั้น ผม(และหลายๆ คน) ไม่ได้คิดหรอกว่ามันจะสามารถเปลี่ยนมาเป็นเรื่องจริงจังได้ “มันก็แค่การเล่นสนุกๆ ของพวกเด็กๆ” คือคำที่อาจารย์หรือผู้ใหญ่หลายๆ คนพูดเมื่อเห็นต้นฉบับการ์ตูนของพวกผม พอหลังๆ เข้าหลายคนก็เลิกวาดแล้วหันไปทำอย่างอื่น ประกอบกับต้องเรียนหนังสือภาควิชาบังคับ สุดท้ายแล้วการ์ตูนของผมก็กลายเป็นแค่การเล่นสนุกๆ ไปจริงๆ

“การวาดการ์ตูนไม่สามารถเป็นเรื่องจริงจังได้เลยเหรอ?” เป็นคำถามที่ผมสงสัยตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

มหา’ลัยสายมังงะ โดย หมอก ธมนธร อมรธีรสรรค์ หรือที่หลายๆ คนรู้จะกันดีในนาม “หมีหมอก” ที่เคยมาแจมในบทความ How to Draw ตอนวาดท้องฟ้าของเทพเคีย ยังไงล่ะ เป็นหนังสือภาคต่อจากเล่มก่อน “เส้นทางสู่ฝัน ม.ปลายสายมังงะ” โดยในหนังสือภาคต่อเล่มนี่จะทำให้เรารู้ว่า โลกของการวาดการ์ตูนนั้นจริงๆ แล้วมันจริงจังกว่าคำว่าการเล่นสนุกของเด็กๆ เป็นบันทึกเรื่องราวและประสบการณ์ของคุณหมอก ที่ได้ใช้ชีวิตในแดนอาทิตย์อุทัย ประเทศแห่งการ์ตูนดราก้อนบอล วันพีช รันม่า โดราเอม่อน และออเร้นจ์โร้ด เพื่อศึกษาเกี่ยวกับการวาดการ์ตูนญี่ปุ่นหรือที่เรียกว่า “มังงะ” เป็นเวลาสี่ปีในมหาวิทยาลัยเกียวโตเซกะ มหาวิทยาลัยที่ขึ้นชื่อเรื่องมังงะของประเทศญี่ปุ่น

หนังสือเล่มนี้พิมพ์สี่สีทั้งเล่ม อัดแน่นด้วยเนื้อหาสาระที่อ่านเพลินจำนวนถึง 368 หน้า ใช่ครับเล่มหนาทีเดียวเชียว วางจำหน่ายตามร้านหนังสือชั้นนำทั่วประเทศในราคาเล่มละ 355 บาท จัดทำโดย บริษัท บันลือ พับลิเคชั่นส์ จำกัด …เอาเป็นว่าอ่านจากในรูปเหอะนะ คือพิมพ์แบบทางการแล้วนิ้วเมื่อยจัง

เนื้อหาในเล่ม

อย่างที่ได้เกริ่นไปข้างต้น หนังสือมหา’ลัยมังงะ เป็นเสมือนบันทึกของคุณหมอกในช่วงการเรียนมหาวิทยาลัยสาขา Story Manga นี้ แต่มันไม่ใช่แค่ว่า วันนี้เข้าเรียนนะ เรียนไรอ่ะ? แล้วจบเล่ม แต่ว่าเรื่องที่อยู่ในเล่มมันมีแง่มุมให้เราได้อ่านหลากหลายมาก ไม่ว่าจะเป็นตั้งแต่เรื่องราวการเตรียมตัวก่อนสมัครเข้าเรียน แล้วจะสอบเข้าล่ะต้องทำอย่างไร เอกสารที่ใช้เข้ามหาวิทยาลัย การใช้ชีวิตนักศึกษาในญี่ปุ่น ไปจนถึงเรื่องที่เป็นหัวใจของหนังสือเล่มนี้นั่นก็คือ “เค้าเรียนอะไรกัน?” จนถึงวันสอบจบการศึกษาตลอดระยะเวลา 4 ปี

“เรียนเขียนการ์ตูนมังงะ เค้าเรียนอะไรกัน?” แน่นอนว่าเราๆ ท่านๆ ต่างคุ้นเคยกับระบบการศึกษาในระดับอุดมศึกษาของไทยกันดีว่าเป็นอย่างไร มีอะไรให้เรียนบ้างและเรียนอะไรกัน แต่ถ้าเป็นด้านเขียนการ์ตูนในมหาวิทยาลัยล่ะ? งงเลยสินะเพราะประเทศไทยเราไม่มีหลักสูตรนี้ ดังนั้นในหนังสือก็จะเล่าถึงวิชาแต่ละวิชาที่ทำการสอนในภาควิชามังงะหรือ Story Manga ที่คุณหมอกได้เลือกเรียนนี้ เล่าครบทั้ง 4 ปีตามหลักสูตรเลยแต่ถ่ายทอดให้เข้าใจง่าย เนื้อหามีหลากหลายเช่น แนะนำอุปกรณ์ที่ใช้ในการเรียน(ผมชอบเรื่องปากกา) เทคนิคในการสร้างสรรค์งาน มีพวกเนมให้ได้อ่านกันด้วย(คล้ายสตอรี่บอร์ดแต่ใช้ในการเขียนการ์ตูน) มีผลงานภาพวาดด้วยเทคนิคต่างๆ และยังมีผลงานมังงะตัวเสร็จสมบูรณ์ให้ได้อ่านกันด้วย นอกจากเราจะได้อ่านเนื้อหากันแล้ว ยังได้สนุกกับการ์ตูนฝีมือของคุณหมอกไปพร้อมๆ กันนั่นเอง (ผมชอบเรื่องดาวตกกับหุ่นยนต์ ภาพสวยแถมเนื้อเรื่องดีด้วย)

อ่านง่าย อ่านเพลิน

อย่าคิดว่าจะมีแต่เนื้อหาหนักๆ น่าเบื่อ ตัวหนังสือเต็มพรึดนะ! เพราะว่าภาษาที่คุณหมอกใช้ในหนังสือเล่มนี้อ่านแล้วสัมผัสได้ถึงความเป็นกันเอง ทำให้เรารู้สึกราวกับว่ากำลังนั่งฟังเพื่อนของเราที่มีความหลงใหลในสิ่งที่ตัวเองรัก และกำลังถ่ายทอดถึงความสนุกที่ได้เรียนสายมังงะนี้ว่าสนุกอย่างไร ดังนั้นมั่นใจได้เลยครับว่าจะเป็นหนังสือที่อ่านแล้วเข้าใจได้ง่าย น้องๆ นักเรียนชั้นประถม มัธยม หรือสูงกว่านั้นก็สามารถอ่านได้ง่าย ไม่น่าเบื่อจนหลับคร่อกแน่นอน

เพลินมาก! ผมเป็นคนที่ขี้เบื่อครับ จะเบื่อมากถ้าหนังสือเล่มที่อ่านอยู่นั้นไม่ใช่ประเภทนิยายหรือวรรณกรรม ความรู้สึกอ่านเพลินจากหนังสือเล่มนี้ทีแรกผมคิดว่าเป็นเพราะมันเป็นเรื่องที่ตัวผมเองให้ความสนใจ แต่พอลองวางหนังสือลงแล้วดึงตัวเองออกห่างมาอีกหน่อยจึงได้ทำให้รู้ว่า นอกจากเนื้อหาในเล่มจะสนุกแล้ว ลำดับการเล่าเรื่องก็ยังน่าสนใจด้วย เหมือนเนื้อเรื่องมันไม่ได้ซ้ำๆ อยู่กับแค่เรื่องเดียว แต่มีการเปลี่ยนหัวข้อ แตกประเด็นเป็นเรื่องย่อยเพื่อดึงให้เราเกิดความอยากอ่านต่อไปเรื่อยๆ ยกตัวอย่างเช่นตอนที่ผมอ่านเรื่องวิชาการเรียนต่างๆ ความคิดในหัวผมก็จะเป็น “เออเว้ย แปลกดี อ้าว! มีเรียนอันนี้ด้วยเหรอ หา?! ทำไมไออาจารย์มันสั่งงานยากจังวะ” ข้อความแบบนี้ผุดขึ้นมาอยู่ในหัวตลอดทั้งการอ่านเลย

ภาพสวย มีการ์ตูนให้อ่านด้วย

นอกจากนั้นยังมีภาพประกอบที่เรียกว่าสวยงามมากมาคั่นเป็นระยะๆ ใช้หลากหลายเทคนิกการวาดและลงสีที่แตกต่างกันไป แต่ภาพส่วนใหญ่จะเป็นเทคนิกสีน้ำที่คุณหมอกถนัดเป็นพิเศษ ซึ่งคนที่ชอบสีน้ำแบบผมเลยรู้สึกสนุกและตื่นตาเพราะภาพสวยจริงๆ นอกจากนั้นในบางตอนที่มีการอธิบายถึงเรื่องเรื่องนึงอยู่ เราก็จะคาดเดาได้ทันที “มาล่ะ! มันมาแล้ว!!” ไอที่ว่ามันมานั้นก็คือภาพประกอบสีสวยภาพเล็กภาพน้อยที่ถูกนำมาแทรกอยู่เป็นระยะๆ ช่วยทำให้มองเห็นภาพและเข้าใจเนื้อเรื่องได้มากขึ้น แต่ที่ชอบสุดๆ ไปเลยนั้นก็คือมีเนมให้ได้อ่านหลายเรื่องด้วย มีผลงานการ์ตูนที่เสร็จสมบูรณ์ให้อ่านอีกเพียบ คนที่ชอบอ่านการ์ตูน ผมรับรองว่าจะต้องสนุกกับหนังสือเล่มนี้แน่ๆ

ผมอ่านหนังสือเล่มนี้จบแล้วก็คิดว่า “มันคงจะดีไม่น้อยถ้าสมัยตอนที่ผมยังเรียนอยู่นั้นมีหนังสือเล่มนี้” เพราะเชื่อแน่ว่าถ้าหลายๆ คนได้อ่านมัน จะต้องมีแนวความคิดเกี่ยวกับคำว่า “การ์ตูน” เปลี่ยนไปจากคำว่าการวาดเล่นของเด็กๆ อย่างแน่นอน หากผมมีน้องหรือคนรู้จักที่ชื่นชอบในการวาดภาพหรือชอบวาดการ์ตูนแล้วล่ะก็ ผมคิดว่าหนังสือเล่มนี้จะเป็นของขวัญที่เหมาะสมที่สุดและมั่นใจได้ว่าผู้รับจะต้องชื่นชอบอย่างแน่นอน ผมแทบรอไม่ไหวที่จะได้เห็นว่าวันรุ่งขึ้นผู้ที่ได้รับหนังสือเล่มนี้ไปอ่าน จะวิ่งมาหน้าตาตื่นแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า การเรียนด้านการเขียนการ์ตูนนั้นมันเจ๋งเพียงใด

คุณผู้อ่านท่านใดที่อยากรู้ถึงการเรียนในสายการวาดการ์ตูนญี่ปุ่นหรือก็คือ “มังงะ” ชื่นชอบในการวาดภาพทั่วไปรวมถึงวาดการ์ตูน หรือมีความสนใจที่หาข้อมูลสำหรับศึกษาต่อในด้านการวาดการ์ตูนโดยเฉพาะแล้วล่ะก็ หนังสือ “มหา’ลัยสายมังงะ” คือหนังสือที่ผมแนะนำให้อ่านครับ

ปล. ใครอยากติดตามผลงานของหมีหมอกก็สามารถเข้าไปได้ที่เฟสบุคเพจ http://facebook.com/miimorkpage และทางทวิตเตอร์ @mooku_

ขอบขอบพระคุณ

คุณหมอก “หมีหมอก” ที่อนุญาตให้กระผมได้มีโอกาสรีวิวหนังสือ มหา’ลัยสายมังงะ ให้คุณผู้อ่านของบีบีบล็อกได้อ่านกัน และยังใจดีมอบหนังสือมาร่วมเล่นแจกของ! กันด้วย ขอบพระคุณครับ!