รีวิวปากกาพู่กันแสนสะดวก Pentel Color Brush Pen ลืมไปเลยว่าเคยจุ่มหมึก!

in Pen by hackhq on 30 Aug 2013

คุณผู้อ่านตามอ่านบล็อกนี้มาหลายตอนคงจะมีบ้างใช่มั้ยครับที่แอบคิดว่าในการสเก็ตช์นั้น อุปกรณ์ที่ใช้จะต้องเป็นปากกาหรือไม่ก็ดินสออย่างเดียวเท่านั้นเพื่อให้ได้เส้นที่คมชัดและสามารถสเก็ตช์ได้อย่างสะดวกสบาย แต่อันที่จริงแล้วการสเก็ตช์นั้นไม่ได้มีกฏเกณฑ์ตายตัวเลยครับในเรื่องของอุปกรณ์ คุณจะใช้กิ่งไม้ใบหญ้าเลือดหมาหรือน้ำเต้าหู้อะไรก็แล้วแต่ที่สามารถจะนึกคิดขึ้นมาได้แล้วทำให้เกิดเป็นภาพขึ้นมา ครั้งนี้ก็เหมือนกันครับที่ผมจะมานำเสนออุปกรณ์สำหรับการสเก็ตช์ชิ้นใหม่ ให้เส้นที่แปลกใหม่ สวยงามและดูทรงพลัง!

Pentel Color Brush

เรื่องของเรื่องต้องขอท้าวความไปหลายเดือนก่อนนู้นนนนนสมัยที่ผมยังอัพเดตเพจอย่างบ้าคลั่งเหมือนคนว่างงาน นั่นคือผมได้เอาภาพและคลิปวิดีโอของศิลปินนักวาดภาพประกอบชาวเกาหลี Kim Jung Gi มาให้ชมกัน ซึ่งผลตอบรับก็ดีมาก! มีสมาชิกหลายท่านต่างให้ความสนใจและรู้สึกชื่นชมในฝีมือการวาดภาพของศิลปินท่านนี้เป็นอันมาก และเมื่อดูคลิปจนจบก็เกิดคำถามขึ้นมาข้อนึงครับ คำถามนั้นไม่ใช้อะไรอื่นแต่ถามว่า “พอจะรู้มั้ยครับว่าศิลปินคนนี้เค้าใช้อะไรวาด? เพราะเส้นที่เห็นมันไม่ใช่ปากกาแต่เหมือนกับเส้นของพู่กัน แต่ถ้าเป็นพู่กันแล้วทำไมถึงไม่จุ่มสีเลย?” …แล้วเวลาก็ผ่านล่วงเลยมาหลายเดือนครับ ในที่สุดผมก็สามารถหาเจ้าสิ่งนี้มารีวิวให้ชมได้แล้วครับ! ได้เวลาเสียเงินอีกแล้ว เย!

Pentel Color Brush-04
หีบห่อหน้าตาญี่ปุ้นญี่ปุ่น

Pentel Color Brush คือชื่อของพู่กันอันนี้ครับ เอ้ะ? ตะกี้ผมพูดว่าพู่กันครับฟังไม่ผิดหรอก แต่พู่กันอันนี้ไม่ใช้ทั้งแบบต้องจุ่มสีเองหรือว่าเป็น waterbrush หรอกนะครับ แต่มันคือพู่กันที่มีหมึกในตัวเองครับหรือเรียกหล่อๆ ว่า brush pen นั่นเอง พู่กันชนิดนี้เป็นที่นิยมมากในประเทศญี่ปุ่นครับก็เพราะว่าคนญี่ปุ่นเวลาจะเขียนการ์ดอวยพรหรือจดหมายก็ล้วนแล้วแต่ใช้พู่กันทั้งนั้น ซึ่งถ้าเป็นสมัยก่อนก็จะต้องมาการนำแท่งหมึกมาฝนๆ เติมน้ำผสมให้หมึกไม่ข้นไม่เหลวจนเกินไป ซึ่งพอได้หมึกแล้วก็ใช้พู่กันจุ่มหมึกแล้วเขียนเอา เขียนทีนึงก็จุ่มทีนึง หากหมึกฝนมาไม่พอดีก็จะต้องฝนเพิ่มอีก เฮ้อออ! …ฟังดูแล้วยุ่งยากรุงรังใช่มั้ยครับ ก็เพราะไอความยุ่งยากอย่างที่บอกนี่แหละมันเลยก่อให้เกิดพู่กันอันนึ้ขึ้นมายังไงละครับ

เค้าวางขายกันแบบนี้ครับ อันที่จริงข้างๆ ก็มีอีกนะของยี่ห้ออื่นแต่ไม่ได้ถ่ายรูปมา

พู่กันมีหมึกในตัวนั้นหลักการทำงานง่ายมากครับ จะว่าไปก็เหมือนกับ waterbrush นั่นเลยแหละเพียงแต่อันนี้จะมีหมึกเติมมาให้ในด้ามจับเลย เราก็เพียงแค่เปิดใช้ เขียนเสร็จก็ปิดฝาสามารถเก็บไว้ใช้ต่อวันหลังได้อีก สะดวกเว่อร์!! หากใช้ไปนานๆ จนหมึกหมดก็สามารถที่จะซื้อด้ามใหม่มาใช้ได้เลยเพราะราคาไม่แพงจนเกินไป หรือถ้าอยากประหยัดหน่อยผู้ผลิตเค้าก็มีแต่ด้ามหมึก(คือมันเป็นด้ามพู่กันใส่หมึกเข้าไป จะเรียกว่าหลอดหมึกก็กระไรอยู่) เราก็ซื้อและมาเปลี่ยนแทนด้ามเดิมได้เลย โดยพู่กันอันนี้ผมหาซื้อมาได้จากแผนกขายเครื่องเขียนใน Isetan ใน Central World ครับ ก็แน่นอนล่ะว่าเป็นห้างส่วนญี่ปุ่นดังนั้นก็ต้องมีของแบบนี้แน่นอน ผมไม่รอช้าครับรีบพุ่งเข้าไปเลิกชมสินค้าเจ๋งๆ แต่ก็มาสะดุดเข้ากับชั้นวางพู่กัน มีของเยอะมากๆๆ และยังมีหลายยี่ห้อหลายรูปร่างหน้าตาด้วย บางด้ามดูธรรมดา(ด้ามนี้) แต่บางด้ามก็ดูจริงจังมากหน้าตาเหมือนปากกาหมึกซึมแต่ข้างในเป็นพู่กัน เรียกได้ว่าเหน็บกระเป๋าคนจะนึกว่าปากกาแต่พอถอดปลอกออกมากลับเป็นพู่กันซะงั้น! ผมลำบากเลยครับ เซ็นเช็ค 3 ล้านบาทแจกให้เพื่อนๆ แต่ไม่มีใครสนใจ…

160 บาท ถูกแท้แม่ย้อย ...ใครวะแม่ย้อย?

โดยพู่กันของ Pentel รุ่นนี้มีด้วยกันถึง 12 สีครับ ส่วนมีสีอะไรบ้างนั้นไปดูกันในเว็บเองนะ [จิ้มฉันสิที่รัก] ราคาที่ตั้งขายบนเว็บก็คือ 8.39$ แต่ว่าอันนี้ผมซื้อมาในราคาเพียง 160 บาทครับ แกะมาอ่านรายละเอียดก็ได้ความว่าหมึกที่ใช้เป็นหมึกสูตรน้ำครับทำให้หมึกไหลลื่น เขียนง่าย แห้งไว และที่เด็ดคือเป็นหมึกที่โปร่งแสงครับ…ยังไงนะเหรอ? คือมันเป็นหมึกที่ให้ความรู้สึกเหมือนสีน้ำที่สามารถทาทับลายเส้นแล้วยังเห็นเส้นอยู่ ลองคิดดูนะครับว่าถ้าต้องออกไปสเก็ตช์นอกสถานที่แต่เอาเจ้าพู่กันด้ามนี้ไปด้วยหลายๆ สีจะสะดวกมาตอนลงสีครับ ลงสีง่ายเหมือนโคปิกแต่เป็นสีสูตรน้ำ แค่คิดก็อยากซื้อให้ครบทุกสีแล้วล่ะครับ …แบ้งค์พันกระเด็นรัวๆๆๆ

ผมอ่านภาษาฝรังเศสไม่ออกครับเลยไม่ขอแปลนะ ...นี่มันภาษาอังกฤษเฟ้ย!!

ก่อนใช้ต้องเอาแหวนกั้นหมึกสีแดงนี่ออกก่อนนะ
อย่างที่เห็นครับ ตัวด้ามพู่กันเป็นหลอดหมึกในตัวเลย

พอใส่ด้ามหมึกแล้วก็บีบ ขนขาวๆ ใสๆ ก็จะถูกย้อมด้วยสีดำครับ (เหมือนย้อมผมหงอกเลย กร๊าาาก)

มาถึงการใช้งานจริงกันบ้าง ผมซื้อมาหลายวันแล้วครับแต่ยังไม่ได้แกะใช้เลย เพราะจะเก็บไว้ถ่ายรูปก่อนสวยๆ พอถึงเวลาทดสอบก็ไม่รอช้าแกะกล่องแล้วก็ดึงเจ้าพู่กันออกมาเลยครับ สังเกตุตรงส่วนเกลียวของส่วนหัวและด้ามนะครับจะเห็นว่ามีแหวนพลาสติกเล็กๆ สีแดงอยู่ นั่นก็ทำหน้าที่เหมือนที่กั้นหมึกของปากกาลามี่นั่นแหละครับ ถ้าจะใช้ก็เอาออกแล้วก็หมุนตัวด้ามเข้าไปเลย เมื่อหมุนเข้าไปจนสุดแล้วก็บีบตรงส่วนของด้าม(เหมือน waterbrush นั่นแหละ) บีบมาพอประมาณนะครับพอให้ปลายพู่กันชุ่มหมึกแต่ระวังอย่าบีบแรงบีบมากจนเกินไปเพราะจะทำให้หมึกทะลักหยุดไม่อยู่จนเลอะเทอะได้

พยายามดูให้เป็นขนมญี่ปุ่นบนชั้นวางขนมหน่อยนะ -*-

เห็นเส้นแล้ววิงเวียนศีรษะคล้ายจะเป็นลม

สำหรับการทดสอบ ผมได้เลือกสมุดขึ้นมา 3 เล่มครับ ได้แก่ Moleskine Sketchbook, Rhodia Rhodiarama และเล่มสุดท้ายที่กระดาษสีขาวกว่าใครเพื่อนคือ…ผมยังไม่บอกครับ รออ่านได้ในบล็อกตอนต่อๆ ไปละกันนะ พอเริ่มลงมือเขียนความรู้สึกแรกที่ผุดขึ้นมาในหัวก็คือ เส้นมันควบคุมได้ยากมากครับ คุณต้องลงน้ำหนักมือให้นิ่งจริงๆ ถึงจะสามารถควบคุมเส้นได้ดั่งใจหากควบคุมไม่ได้เส้นที่ได้ก็จะหงิกๆ งอๆ เส้นบางบ้างหนาบ้างชวนเวียนหัว วาดไปสักพักก็เริ่มจับทางได้ครับเลยเริ่มมาพิจารณาในส่วนอื่นๆ เพิ่มจึงทำให้พบว่าหมึกนั้นไหลดีมากครับ เขียนได้ลื่นเลยแต่ติดหน่อยก็ตรงข้อดีที่เค้าบอกไว้นั่นแหละว่าสีมันโปร่งแสง เลยทำให้สีดำที่ผมใช้อยู่นี้มันดำไม่สนิทครับ ถ้าลงน้ำหนักมือมากจนเส้นบานหมึกก็จะไม่เข้มจนเห็นเนื้อกระดาษข้างใต้ครับ

วัดพระแก้วครับ เห็นมั้ยว่าลงสีน้ำทับได้ไม่มีปัญหาแต่อย่าถูพู่กันแรงล่ะเดี๋ยวหมึกร่อน

วาดเสร็จทั้ง 3 รูปผมก็ลองคิดเล่นๆ ว่าถ้าลองลงสีน้ำจะเป็นอย่างไรบ้าง หมึกมันจะกันน้ำได้บ้างมั้ยนะ? ก็ไม่รอช้าครับปล่อยให้หมึกแห้งสักพักก็ลงสีน้ำทับเลย ผลปรากฏว่าหมึกสามารถกันน้ำได้ด้วย!!! อันนี้ต้องขอบอกว่าช๊อคจริงครับเพราะไม่ได้คาดหวังมาก่อนเลย แต่ถึงจะบอกว่ากันน้ำได้แต่ก็กันได้ไม่ 100% นะครับ ในบางส่วนที่ผมลงสีแล้วขยี้พู่กันลงไปหรือปาดสีทับไปมาหลายครั้งหมึกดำก็จะหลุดร่อนออกมากับสีน้ำด้วยเล็กน้อย ดังนั้นถ้าหากลงสีอย่างระมัดระวังไม่ถูพู่กันแรงหรือไม่วาดด้วยหมึกที่เยิ้มจนเกินไป หมึกก็จะยังติดอยู่ครับและสามารถลงสีน้ำได้ครับ

สำเนาถูกต้อง!! ส่วนหัวนี่เหมือน waterbrush มาก หรือลองเอามาโมเป็น waterbrush ดี?

ลงสีเสร็จก็เก็บพู่กันเข้าฝัก แล้วลองพิจารณาเจ้าพู่กันนี้อย่างละเอียด ขนพู่กันเป็นขนไนล่อนที่ทนทานและมีการสปริงตัวที่ดีเหมาะกับการผลิตที่ต้นทุนไม่สูงนัก การอุ้มน้ำนั้นแน่นอนว่าขนพู่กันแบบนี้ทำได้ไม่ดี เทียบไม่ได้เลยกับขนพู่กันที่เป็นขนสัตว์แท้ๆ ดังนั้นจึงอย่าคาดหวังมากเกินนะ ในด้านโครงสร้างและหลักการทำงานก็เหมือนกับ waterbrush มากๆ ครับ ดังนั้นถ้าหากเราใช้พู่กันนี้จนหมึกหมดแล้วเราลองเอาส่วนด้ามมาล้างน้ำให้สะอาดแล้วลองเติมน้ำดู มันก็น่าจะสามารถใช้แทน waterbrush ได้เลยน่ะสิ! แถมราคายังถูกกว่ากันเยอะด้วย พู่กันนี่ 160 บาทแต่เจ้า waterbrush เกือบ 300 บาทแหน่ะ เดี๋ยวถ้าผมลองทำแล้วหรือคุณผู้อ่านท่านใดลองทำแล้วก็เข้ามาเล่าให้ฟังบ้างนะครับ อยากรู้ๆๆ

เป็นอย่างไรบ้างครับกับ Pentel Color Brush พู่กันที่ใช้ง่ายแสนสะดวก พกพาออกไปนอกบ้านเพื่อสเก็ตช์ก็ยังได้ ไม่ต้องเสียเวลาหรือต้องระมัดระวังเวลาจุ่มหมึก ทั้งน่าสนใจและเหมาะสำหรับผู้ที่อยากลองเปลี่ยนบรรยากาศในการสเก็ตช์จริงๆ ส่วนเรื่องราคานั้นก็ทำไว้ได้ถูกคุ้มค่ามาก ราคานี้สามารถเป็นเจ้าของได้โดยง่ายไม่ต้องคิดมากเวลาเลือกซื้อ แนะนำให้ลองหามาใช้ดูนะครับ ลองใช้เขียนใช้สเก็ตช์ภาพและหากชอบหรือไม่ชอบอย่างไรก็มาเล่าให้ฟังด้วย แต่ถ้าจะให้เด็ดสุดๆ ก็ต้องสเก็ตช์และส่งผลงานมาอวดบน sketchlandyard.com ผลงานสเก็ตช์ลายเส้นพู่กันยังไม่เคยเห็นเลยครับ ผมรอชมอยู่นะ

 

ปล. ทิ้งท้ายด้วยวิดีโอวาดภาพด้วยพู่กันชนิดนี้ครับ สุดยอดฝีมือจริงๆ ครับ ขอคารวะ!!

หากอ่านแล้วถูกใจชอบใจ ฝากกดแชร์ด้วยนะครับ ขอบคุณครับ \( - 3-)/
โพสตอนนี้อยู่ในหมวด Pen และมี tag ดังนี้ , , , , โพสเมื่อวันที่ .
hackhq

คนธรรมดาที่หลงใหลในการสเก็ตช์ ใช้ปากกาลามี่เป็นอาวุธ มีสมุด Moleskine เป็นผืนผ้าใบและมีจินตนาการในรูปของสีน้ำ หลงใหลรูป รส กลิ่น ของกาแฟ และเคลิบเคลิ้มกับเสียงของดนตรีแจ๊ส | ติดต่อผมบนทวิตเตอร์ได้ที่ @hackhq

เว็บไซต์ : https://www.bbblogr.com