ผมแหงนมองไปบนท้องฟ้าที่สว่างจ้าและเป็นสีฟ้าแสนสดใจ ไม่ได้ต้องการมองหาจานบินต่างดาวหรือหาพระแสงที่จะปลิวร่วงมา แต่ผมมองไปข้างบนเพราะผมกำลัง “รอคอย” บางสิ่งบางอย่างที่กำลังจะเกิดกับผมครับ ไม่หรอกครับ ผมไม่ได้รอสายฝนให้เทลงมาแก้ปัญหาภัยแล้ง เพราะแค่นี่ก็ท่วมจนเปียกขากางเกงเวียนไม่พอใส่แล้ว สงสัยสินะว่าผมเฝ้ารออะไร ผมเฝ้ารอ…

“นกกระทุง”

เจ้านกกระทุงตัวเขื่องบินถลาแล่นลงมาที่ประตูหน้าบ้านของผมครับ สะบัดปีกพั่บๆๆๆๆ แล้วลงจอดบนสนามหญ้าหน้าบ้านที่ผมเผลี่ยนเป็นสนามกอล์ฟ 18 หลุมอย่างสวยงาม ผม…ชายปอนด์ ซึ่งเป็นคนที่กลัวนกเป็นอย่างมาก(นกในหลายๆ ความหมาย) เลยเรียกให้ “อัลเบิร์ต” พ่อบ้านและผู้ติดตามคนสนิทจัดการกับเจ้ากระทุงตัว อัลเบิร์ตเดินย่องแกมคลานต่ำเข้าไปหาเป้าหมายซึ่งก็คือเจ้านกกระทุงตัวนั้น ถึงอัลเบิร์ตจะสูงวัยแล้วและดูจะผ่านประสบการณ์หลากหลายมาอย่างโชกโชน แต่ไม่วายที่จะกลัวนกไม่ต่างกันกับผมสักเท่าไร

“คุณผู้อ่านไม่กลัวนกเหรอครับ?” อัลเบิร์ต…ผู้ซึ่งนกตลอดชาติหันมาคุยกับคนอ่านได้ด้วยเว้ย!!

อัลเบิร์ตสวมถุงมือขาวแล้วเอื้อมมือไปง้างปากของเจ้านกกระทุงออกเพื่อดูว่า สิ่งที่ผมรอคอยจากเนเธอร์แลนด์นั้นจะยังอยู่ในสภาพดีหรือไม่ และแล้วผมก็สมใจหมายปองเพราะว่าสิ่งที่โผล่ยื่นออกมาจากมุมปากของกระทุงน้อยก็คือเจ้าสิ่งนี้!

Pelikan Stola III Fountain Pen อื้อหือเปิดเข้าเรื่องแบบนี้ก็ได้เว้ย! ใช่แล้วครับถึงไม่อ่านเปิดเรื่องที่น้ำเยอะ แต่เมื่อดูจากภาพแล้วจะอ๋อได้ทันทีว่านี่มันเป็นปากกาด้ามใหม่ล่าสุดมี่ผมเพิ่งมีโอกาสได้รับมารีวิวจากร้านของคุณแฟร้งค์ fontoplumo.nl แน่นอนว่าเห็นโลโก้แบบนี้ที่ด้านบนปลอกปากกาก็ทำให้เรานึกออกทันทีว่า นี่มันคือปากกายี่ห้อสุดดังและไม่มีใครที่จะไม่รู้จัก Pelikan แบรนด์ปากกาและเครื่องที่มีชื่อเสียงยาวนานกว่า 125 ปี ทั้งในด้านคุณภาพและดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใครจากประเทศเยอรมนีนั่นเอง

ได้รางวัล!

ปากกาด้ามที่อยู่ในมือนี่มีชื่อเต็มๆ ยาวๆ ว่า Pelikan Stola III Fountain Pen เป็นปากกาหมึกซึมจากแบรนด์ Pelikan โดยรุ่น Stola III นี้มีด้วยกันทั้งหมด 3 แบบให้เลือกใช้ อันได้แก่ ปากกาหมึกซึม Fountain Pen, ปากกาลูกลื่น Ballpoint Pen และปากกาหมึกซึมหัวบอล Rollerball Pen และเจ้าปากการุ่น Stola III นี้ก็ไม่ได้ไก่กาไร้ชื่อเสียงเพราะว่ามันเพิ่งได้รับรางวัลด้านการออกแบบประดับติดตัวมาสดๆ ร้อนๆ นั่นก็คือรางวัล German Design Award Winner 2017 ดูรูปที่แปะอวดสิ ดังนั้นใครจะติยังไงก็ช่าง เราก็เอาป้ายรางวัลโชว์แล้วหัวเราะใส่หน้าแล้วบอกว่าเป็นของดีได้เลย กร๊าาากกกๆๆ (ทำไมดูเกรียน?)

แกะกล่อง

พอ! อยากเห็นปากกาแล้วอ่ะ เจ้าปากกา Pelikan Stola III ด้ามนี้มาในกล่อง…หรือใช้คำว่าหลอดถึงจะถูก? มันเป็นหลอดใส่ปากกาพลาสติกสีเทาเงินที่ฝาก็เป็นพลาสติกใสแจ๋วเห็นตัวปลา ว่ายเวียนวนไปมาน่าเอ็นดู ถรุย! โดยไอหลอดนี่อ่ะมันไม่ได้กลมๆ กระบอกกลิ้งร่วงๆ นะ เพราะที่ด้านใต้เค้ามีแง่งยื่นออกมาหน่อยให้สามารถวางกับโต๊ะได้ ดังนั้นสามารถวางตั้งโชว์ได้ไม่มีปัญหา

ฝากล่องจะใช้วิธีเลื่อนขึ้นไปด้านบนตรงๆ เผยให้เห็นปากกาที่ถูกวางล็อคเข้ากับส่วนจับปากกาไม่ให้กลิ้งไปไหนซึ่งก็แน่นหนาพอควรเลยนะ รับรองว่าใส่กล่องพัสดุหรือกล่องของขวัญไม่มีไหลไปมาขลุกๆ เป็นแน่ (แต่กับไปรษณีย์ไทย ปากกาอาจจะทะลุออกมานอกกล่องพัสดุได้)

หน้าตา

โคตรหล่อ! คือคำจำกัดความของปากกาพ่อนกกระทุงด้ามนี้ มันเป็นปากกาที่เนียนเรียบจับเข้ามือดีมาก ลายบนผิวปากกาคล้ายกับโลหะที่พ่นทรายให้ดูด้านๆ แต่ที่จริงแล้วผิวด้านนอกของปากกามันเรียบลื่นมากๆ เพราะเค้าใช้วิธีทำสีแบบเคลือบผิวหลายชั้น โดยด้ามที่ผมได้รับมานี่เป็นสี Silver สีเงินดูทันสมัยเหมาะกับทุกเพศทุกวัย

เรื่องวัสดุที่ใช้ตัวปากกานั้นเป็นอะไรที่ผมนึกสงสัยครับ คือผมมีการถอดปลอกปากกาออกมาส่องมาเคาะดูก็จะเห็นว่าวัสดุในส่วนของปลอกนั้นเป็นอลูมิเนียมเพราะรู้สึกได้ถึงความเบา แต่ทีนี้ไอตรงตัวด้ามอ่ะ ผมว่ามันค่อนข้างมีน้ำหนัก ถือยังไงก็ไม่น่าจะใช่อลูมีเนียมแน่ๆ ผมเลยลองส่องเข้าไปดูก็เลยทำให้รู้ว่าเฉพาะตัวด้ามนั้นทำจากทองเหลือง(ที่จริงไปอ่านมาด้วย) ถึงว่าล่ะน้ำหนักมันไม่เบาโหวงเหวง

เห็นมันเป็นปากกาด้ามตรงๆ แต่ที่จริงมันแอบป่องกลางนิดๆ คล้ายกับซิการ์ที่สอดไส้กัญ…เดี๋ยวๆๆ แค่คล้ายซิการ์แบบแท่งเรียวๆ ตรงปลายด้านบนของปลอกจะเป็นการตัดตรงเรียบๆ แล้วพิมพ์โลโก้นกกระทุง Pelikan ให้เห็นชัดด้วยสีดำ และที่ปลายขอบล่างของปลอกมีการพิมพ์ตัวอักษรเป็นคำว่า PELIKAN เพื่อย้ำชัดถึงความนกอีกที

ก้นปากกาก็ดูสวยแปลกตาดีนะ เค้าเลือกใช้วิธีตัดสีเงินของตัวปากกาไปจนถึงส่วนปลายด้ามด้วยวัสดุที่เป็นพลาสติกสีดำเอามาทำเป็นก้นปากกามนๆ เพื่อฉีกอารมณ์โดยรวมของปากกาด้ามนี้ให้ดูมีลูกเล่นไม่น่าเบื่ออีกนิด

คลิป

ตรงนี้แหล่ะที่ผมมองว่าเป็นจุดเด่นที่สุดของปากกา Pelikan Stola III คือคลิปเหน็บกระเป๋ามันสวยแปลกตามาก คลิปดำรูปร่างที่เป็นเอกลักษณ์นี่ทีแรกผมว่ามันไม่ค่อยเข้ากับสไตล์ของปากกาด้ามนี้เพราะผมคิดว่ามันควรจะเป็นแบบเรียบๆ ตรงๆ ทื่อๆ แต่พอถือดูไปเรื่อยๆ ผมกลับมองว่าคลิปเป็นแบบนี้แหล่ะถึงสวยที่สุดเพราะคลิกมีการออกแบบใหม่และไม่เหมือนใครดี ทำให้เห็นเพียงแค่คลิปก็รู้เลยว่าต้องรุ่น Stola III แน่ๆ

วัสดุที่ใช้ทำคลิปเป็น stainless steel ที่ผมว่ามันแข็งแรงมากและหนีบได้แน่นหนาสุดๆๆๆ ผมถึงขั้นต้องเอาอีกมือนึงมาช่วยจับกระเป๋าเสื้อเอาไว้เวลาที่ต้องการจะเหน็บปากกาลงไป (เสื้อตัวที่ใช้ผ้าย้วยๆ อ่ะนะ) ดังนั้นจึงมั่นใจได้เลยว่าเหน็บและวิ่งออกไปเต้นแทงโก้หน้าที่หน้าปากซอยก็ไม่มีทางร่วงหล่นแน่นอน

มือจับ

ปลอกปากกาเป็นแบบดึงออกมาตรงๆ ไม่ต้องหมุนเกลียวอะไร ดึงออกปุ๊บก็จะเห็นส่วนของมือจับหรือ grip ที่เป็นสีดำขลับเงาวับอยู่ภายในซึ่งตรงนี่ก็ใช้วัสดุเป็นพลาสติกผิวเรียบลื่นเหมือนกันกับส่วนก้นปากกานั่นแหล่ะ เป็น grip แบบกลม ไม่มีร่องบากหรือรับนิ้วมือเพื่อช่วยให้จับปากกาได้ถูกต้องสำหรับเด็กแต่อย่างใด

หมึก

ผมหมุนปากกาออกเพื่อที่จะได้เติมหมึกแล้วเอามาใช้เขียนกันเสียที ซึ่งพอเคาะๆ ให้หลอดหมึกที่ติดอยู่ข้างในตัวด้ามไหลออกมาแล้ว ผมนี่ถึงขั้นหัวเราะก๊าก หลอดหมึกโคตรยาวววววว! อีกนิดก็เสียบลูกชิ้นขายได้แล้วมั้ง(ไอนี่ก็เว่อร์ไป) โดยหมึกที่แถมมาให้นั้นเป็นหมึกสีน้ำเงิน Royal Blue ครับ (ไม่ได้ปาดให้ดูนะ) ยาวขนาดนี้ก็สามารถใช้กันไปถึงปลายปี 2017 ได้เลย (นี่ก็เว่อร์อีกแล้ว)

ใช้หลอดสูบหมึกแบบมาตรฐานได้

มาถึงเรื่องหลอดสูบหมึกหรือ ink converter กันบ้าง น่าเสียดาย! ที่คุณแฟร้งค์แกลืมส่งหลอดสูบหมึก Pelikan Ink Converter มาให้ด้วย ผมก็ไม่รู้จะทำยังไงดีคืออยากเติมหมึกกันน้ำไว้ใช้เอง เดินสิครับ เดินวนรอบห้องเก็บสมบัติของผมอยู่นานแล้วก็นึกขึ้นได้ว่า เอ๊ะ! ตะกี้เราดูปลายหลอดหมึกแบบ refill แล้วก็อุทานขึ้นมาว่า “ชายว่าหน้าตามันคุ้นๆ อยู่นะ” ชายปอนด์…หมายถึงผมเอง เลยเอาหลอดสูบหมึกของปากกา Faber-Castell Basic Black Leather ที่เคยได้รีวิวไปเมื่อครั้งกระนู้นมาลองเทียบกันดู ปรากฏว่าปลายเหมือนกันเป๊ะ! ว่าแต่ทำไมมันเหมือนกันอ่ะ?

นั่นเป็นเพราะว่าปากกา Pelikan Stola III ด้ามนี้ใช้หลอดสูบหมึกแบบ Standard International Cartridge Converter หรือก็คือ “รุ่นมาตรฐานสากล” ทำให้สามารถเอาหลอดสูบหมึกหรือหมึก refill ของยี่ห้อใดๆ ก็ตามที่ใช้หลอดสูบแบบมาตรฐาน เราก็สามารถเอามาเสียบใช้งานได้เลย ซึ่งในครั้งนี้ผมก็ใช้ของ Faber-Castell ก็เสียบได้แน่น ปิดปากกาได้มิด เติมหมึกได้และไม่มีปัญหาจากการใช้งานแม้แต่น้อย

ขนาดและน้ำหนัก

เมื่อเอามาวางเทียบกับปากกาลามี่ซาฟารีที่รักเหลืองดำด้ามโปรด ก็ทำให้ชายรู้ว่าความยาวของปากกาทั้งสองนั้นไม่ได้แตกต่างกันเลย แต่ด้วยรูปร่างของ Stola III ที่ดูบางเลยทำให้มองรวมๆ แล้วดูสั้นกว่านิดนุง แต่เมื่อถอดปลอกปากกาแล้วเอามาวางเทียบกัน จะเห็นว่า Stola III มีขนาดสั้นกว่าประมาณ 1 เซนติเมตรได้

อย่างที่ผมบอกไปตอนต้นว่าปากกาด้ามนี้จับๆ ดูแล้วค่อนข้างมีน้ำหนัก ไม่ได้ดูเบาหวิวจนรู้สึกก๊องแก๊ง ผมเลยเอามาขึ้นตาชั่งก่อนขึ้นชกซึ่งน้ำหนักที่ได้เมื่อสวมปลอกปากกาจะอยู่ที่ 29.3 กรัม และเมื่อถอดปลอกออกจะทำให้เหลืออยู่ที่ 17.7 กรัม เห็นมั้ยครับว่าตัวด้ามปากกาเพียวๆ มีน้ำหนักที่ไม่เบาหรือหนักจนเกินไป

การจับถือ

ความเจ๋งที่ผมมองว่ามันออกแบบมาได้ดีงามนั้นคงจะหนีไม่พ้นเรื่องการใช้วัสดุในแต่ละส่วน มันเลยทำให้เวลาเราถือปากกาด้ามนี้แล้วรู้สึกถึงน้ำหนักที่พอดีมือ และการออกแบบที่ตรงกลางด้ามมันป่องนิดๆ ทำให้รู้สึกได้ว่ามันรับเข้าอุ้งมือได้ดี เมื่อลองเช็คสมดุลของปากกาก็จะอยู่ที่กลางด้ามพอดิบพอดี ซึ่งเมื่อเราเอามาถืออยู่ในมือ สมดุลมันจะค่อนลงไปที่ส่วนหัวแต่ทิ้งนิดๆ ที่อุ้งมือ มันเลยไม่รู้สึกว่าเป็นปากกาหัวหนักและก็ไม่ได้หนักปลายจนหัวยก

เสียบปลอกเข้าด้านหลังไม่ได้!

เอ้ออันนี้ตลกอ่ะ! ผมมองว่าไอตัวปลอกปากกาของรุ่น Stola III มันทำจากอลูมิเนียมใช่มะ? ข้อดีของมันคือมีน้ำหนักเบาไง ดังนั้นถ้าหากว่าเราถนัดการใช้ปากกาแบบเสียบปลอกเข้าที่ก้นปากกามันก็จะไม่ทำให้สมดุลของปากกาเสียไปเลยเพราะปลอกมันเบา แต่! กลายเป็นว่าปากกาด้ามนี้มันเอาปลอกเสียบเข้าที่ก้นไม่ได้ คือยังไงดี…มันเสียบได้ แต่มันเสียบไม่อยู่ มันไม่แน่น มันหลุด มันหลวม มันร่วง มันไม่ฟิต อ่อนแอ พอ! (ภาษาฝรั่งคือไม่สามารถ post ได้) ดังนั้นใครที่คิดว่าจะเอามาเสียบก้นแล้วเขียนเหมือนปากกาด้ามอื่นๆ ก็ให้ทำใจนะ เอาอีกมือกำปลอกไว้แน่นๆ กันมันหล่นหายแทนก็แล้วกัน กรั่กๆๆ

nib

ผมว่ามันเป็นเรื่องที่น่าเสียดายมากๆ เลยนะเพราะว่า nib มีขนาดเดียวคือ M ซึ่งถ้าใครที่ชอบหัวปากกาใหญ่ๆ ก็คงไม่มีประเด็นอะไรมาก แต่กับผมที่ชอบปากกาเส้นเล็กๆ พวก EF หรือ F ก็ได้แต่ลุ้นและภาวนาว่าในอนาคตอันใกล้เค้าจะทำ nib ขนาดอื่นออกมาบ้างนะ ส่วนวัสดุที่ใช้ทำ nib ของปากกา Pelikan Stola III นี้เป็นเหล็กทั่วไปครับซึ่งค่อนข้างหนาและแข็งทีเดียว บน nib ก็ออกแบบไว้เรียบง่าย สลักโลโก้นกกระทุงแล้วแต่งลายนิดๆ ไม่เยอะรุ่งรังเพื่อให้เข้ากับดีไซน์โดยรวมของตัวปากกา

เขียนจริง

เขียนเลยครับจะรออะไร ผมเติมหมึกและลงมือเขียนทันที หมึกตัวที่ผมใช้นั้นเป็นหมึกดำกันน้ำ De Atramentis : Document Ink Black แล้วก็จรดปากกาเขียนลงกระดาษ MD Paper ก็ให้ผลเป็นที่น่าพอใจมากครับ เรื่องเขียนลื่นนั้นก็เขียนได้ไม่มีปัญหาอะไรเลย ทั้งนี้ผมว่าด้วยเพราะ nib มันเป็นขนาด M ด้วยแหล่ะรวมถึงเรื่องคุณภาพการผลิตของ Pelikan ที่มีมาตรฐานสูง ทำให้ถึงแม้จะเป็นปากกาที่ราคากลางๆ ไม่สูงมากแต่เพราะเป็น Pelikan จึงทำให้เรื่องการเขียนนั้นไร้ที่ติ ทั้งนี้วัสดุที่ใช้ทำ nib เป็นเหล็กและค่อนข้างหนา มันจึงไม่ flex ดังนั้นอย่าหวังเรื่องเอาไปเขียน calligraphy เป็นอันขาด

การไหลของหมึกล่ะเป็นไง? หลังจากที่เขียนไปสักระยะและลองลากเส้นดู ปากกา Pelikan Stola III ถือว่าเป็นปากกาที่หมึกไหลค่อนข้างดีหนักไปทาง wet ผมมองว่าขนาด nib มันใหญ่ถึงขั้น M แต่เขียนหรือลากเส้นเร็วๆ หมึกก็ยังไหลได้ดีและให้เส้นที่เข้มชัดหมึกมาสม่ำเสมอ ไว้ใจได้เลยกับ ink feed ของด้ามนี้

ผมลองเอาปากกา Pelikan Stola III ขนาด M มาลองลากเส้นเทียบกับปากกาลามี่ซาฟารียอดนิยมด้วย nib มีขนาดต่างกัน ก็ได้ผลมาอย่างที่เห็น เส้นของ Pelikan Stola III nib M จะมีขนาดใกล้เคียงกับปากกา Lamy Safari nib M ครับ ดังนั้นหากอยากสั่งออนไลน์แต่ไม่มั่นใจว่าเส้นจะใหญ่ประมาณไหน ผมแนะนำให้ลองหาปากกาลามี่ซาฟารี nib M มาเขียนดูก็สามารถช่วยให้เห็นภาพได้ครับ

ซื้อที่ไหน? ราคาเท่าไหร่?

ว่ะฮ่ะฮ่าาาา ปากกางามๆ ด้ามนี่ผมได้รับการสนับสนุนมาจาก “คุณแฟร้งค์” ผู้ใหญ่ใจดีแห่งร้านปากกายอดนิยมของชาวไทย fontoplumo.nl ซึ่งเมื่อไม่นานมานี้ร้านแกเพิ่งเพิ่มปากกายี่ห้อ Pelikan เข้ามาเสริมทัพความหลากหลายให้พวกเราได้เลือกซื้อมากขึ้น ใครสนใจ ขอเชิญคลิกไปคว้านกได้ที่นี้

และแน่นอนว่าในเมื่อมันเป็นปากกาจากเยอรมนี เลยทำให้ร้านคุณแฟร้งค์สามารถทำราคาได้ถูกกายถูกใจพวกเรามากๆ (แต่ไม่เคยถูกใจพวกเมียๆ เล้ยยย!) โดยราคาของปากกาด้ามนี้ถ้าหากคุณผู้อ่านต้องการแค่ตัวปากกา ราคารวมค่าส่งมาประเทศไทย + ได้รับส่วนลดบีบีบล็อก(ป้อนโค้ด bbblog ลด 10%) + ได้รับการยกเว้นภาษี ทำให้ราคาปากกาหนึ่งด้ามจะอยู่ที่ 22.93 EUR หรือเท่ากับเงินไทย 888 บาทเท่านั้น! งานดีเลิศแถมราคาไม่แพงเลยนี่หว่า!

อย่าลืมซื้อหลอดสูบหมึกด้วยนะ!

แต่! จะซื้อทั้งทีผมขอแนะนำว่าให้ซื้อหลอดสูบหมึก Pelikan Ink Converter มาด้วยเลยจะดีที่สุดนะ ถึงแม้ว่าจะสามารถหาซื้อหรือหยิบยืมจากของยี่ห้ออื่นที่เป็นหลอดสูบแบบมาตรฐานได้ แต่ก็ซื้อๆ ไปเหอะเพราะราคาแค่อันละ 4.30 EUR และเมื่อซื้อปากการวมกับหลอดสูบ รวมค่าส่งและได้ส่วนลดแถมงดภาษี จะทำให้ราคารวมปากกาและหลอดสูบหมึกอยู่ที่ 26.80 EUR หรือ 1,038 บาทเท่านั้นเองครับ (หลอดสูบ 150 บาทอ่ะ)

ความเห็นจากชายปอนด์แห่งบีบีบล็อก

ปากกาด้ามนี้มันงามงดทั้งหัวจรดเท้าอยู่แล้วล่ะนะไม่ต้องมีข้อสงสัย ใครที่ชอบปากกาหมึกซึมดีไซน์เรียบๆ ดูทันสมัยและไม่เหมือนกับปากกายี่ห้ออื่นๆ ทั่วไปตามท้องตลาดน่าจะตัดสินใจได้ไม่ยากเย็นนัก ทั้งนี้เรื่องน้ำหนักในการจับถือก็ถือว่าทำออกมาได้ดีทีเดียว น้ำหนักกำลังพอดี ดูแน่นดูแพง มาตรฐานในการผลิตสูงมากงานเนียบดีจริงๆ จะเอามาใช้เองหรือเอาไปเป็นของขวัญก็รับรองว่าคนรับจะต้องอยากได้แน่ๆ

แต่ก็มีเรื่องติที่ผมเสียดายเล็กๆ นั่นก็คือเรื่องของขนาดหัวปากกา ถึงแม้ว่าปากกา Pelikan Stola III ด้ามนี้มันจะเขียนได้ลื่นมือหมึกไหลดีงามเขียนสนุกมากมายไม่มีผิดหวังเลยก็ตาม แต่มันน่าเสียดายนะ คือเสียดายที่มีขนาดของ nib ให้ใช้แค่ขนาดเดียวซึ่งก็คือ M ในความคิดผมผมมองว่าในอนาคตหน่ะ ยิ่งหลังจากที่ได้รับรางวัลด้านการออกแบบมาแล้วด้วย ถ้ายอดขายมันเพิ่มหรือปากกาได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น มันอาจจะมีแนวโน้มที่ทำให้ทาง Pelikan คิดที่จะทำ nib ขนาดอื่นๆ ออกมาบ้างก็ได้ …นี่คือหวังอย่างลมๆ แล้งๆ เลยหว่ะ

มันเป็นปากกาอีกด้ามที่เขียนได้ดีงามและน้ำหนักเข้ามือผมมากทีเดียวกับ Pelikan Stola III รูปร่างสวยงามหน้าตาไม่เหมือนใคร แถมยังมีรางวัล ๆ ร้อนๆ นั่นก็คือรางวัล German Design Award Winner 2017 การันตีอีกต่างหาก ถึงแม้ว่าจะมีขนาดหัวแค่ขนาดเดียว แต่ถ้าใครชอบเส้นประมาณนี้ก็ไม่มีปัญหา หากคุณผู้อ่านหลงใหลเจ้านกกระทุงตัวนี้แล้วล่ะก็ ผมแนะนำว่าให้แหงนหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้าแล้วตะโกนดังๆ ว่า…

“เงินหมดแล้วเว้ย!!!”

ขอขอบพระคุณ

คุณแฟร้งค์ แห่งร้านปากกายอดนิยมของชาวไทย fontoplumo.nl ที่ทำให้ผมได้รู้จักและหลงรักปากกานกกระทุง Pelikan Stola III ด้ามนี้ น้ำหนักมันดีงามหน้าตาหล่อเหลาและที่สำคัญคือเขียนดีไม่แพ้ใคร ขอบพระคุณมากครับ!